ในอัลกุรอาน บทที่หรือซูเราะฮฺ 103 ที่มีชื่อว่า ซูเราะฮฺ อัล-อัศริ (سورة العصر) เป็นซูเราะฮฺสั้น ๆ มีเพียง 3 อายะฮฺ หรือ 3 โองการ อ่านง่าย ท่องง่าย และศึกษาความหมายเข้าใจง่ายด้วย ฉะนั้นคนมุสลิมส่วนใหญ่แล้วจะท่องได้ และบางคนที่จำอัลกุรอานได้ไม่มากนัก มักจะนำซูเราะฮฺนี้มาอ่านเวลาละหมาด
وَالْعَصْرِ (١)إِنَّ الْإِنْسَانَ لَفِي خُسْرٍ (٢)إِلَّا الَّذِينَ آمَنُوا وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ وَتَوَاصَوْا بِالْحَقِّ وَتَوَاصَوْا بِالصَّبْرِ (٣)
ความว่า : 1. ขอสาบานด้วยกาลเวลา
2. แท้จริงมนุษย์นั้น อยู่ในการขาดทุน
3. นอกจากบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย และตักเตือนกันและกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรม และตักเตือนกันและกันให้มีความอดทน
อิมามชาฟีอีย์ มีความเห็นว่า ผู้ใดได้ศึกษาซูเราะฮฺนี้อย่างจริงจัง เพียงพอแล้วสำหรับเขา
ซัยยิด กุฏุบ ได้กล่าวในหนังสือ “ใต้เงาอัลกุรอาน”(في ظلال القرآن) ว่า ในซูเราะฮฺสั้นๆที่มีเพียง 3 อายะฮฺนี้ จะครอบคลุมวิถีชีวิตที่สมบูรณ์สำหรับมนุษย์คนหนึ่งให้เป็นไปตามที่อัลกุรอานต้องการ
เริ่มแรกของสูเราะห์นี้ อัลลอฮฺได้สามบานกับเวลา وَالْعَصْرِ (วัลอัศริ) เวลาเป็นวินาที เป็นนาที เป็นชั่วโมง เป็นเดือน เป็นปี หรือเป็นยุคสมัย ทุกๆเวลามีความสำคัญ ชีวิตของเราอยู่กับเวลา การสูบลมหายใจเข้าหายใจออกของเราในแต่ละครั้งนั้นแสดงให้เห็นว่าเวลาของเราไปลดลงไปเรื่อยๆ ท่านนบี(ศ็อลฯ)ได้กล่าว ว่า
اغتنم خمسا قبل خمس: شبابك قبل هرمك، وصحتك قبل سقمك، وغناك قبل فقرك،
وفراغك قبل شغلك، وحياتك قبل موتك
ความว่า : “เจ้าจงแย่งชิง 5 อย่างก่อนที่อีก 5 อย่างจะมาถึง คือ ความหนุ่มของเจ้าก่อนความแก่ชราจะมาถึง การมีสุขภาพของเจ้าก่อนที่การเจ็บป่วยจะมาถึง ความร่ำรวยของเจ้าก่อนที่ความยากจนจะมาถึง เวลาอันว่างเปล่าของเจ้าก่อนที่เจ้าจะไม่มี และการมีชีวิตของเจ้าก่อนเจ้าตาย” (บันทึกโดยอัลฮากิม จากรายงานของอิบนุอับบาส)
อิบนุอุมัรกล่าวว่า :
إذا أمسيت فلا تنتظر الصباح ، وإذا أصبحت فلا تنظر المساء
وخذ من صحتك لمرضك ومن حياتك لموتك
ความว่า : เมื่อเจ้าเจอเวลาเย็น เจ้าอย่ารอตอนเช้า และเมื่อเจ้าถึงเวลาเวลาเช้าเจ้าอย่ารอตอนเย็น เจ้าจงแย่งชิงการมีสุขภาพของเจ้าเพื่อการเจ็บป่วยและชีวิตของเจ้าเพื่อความตายของเจ้า
إِنَّ الْإِنسَانَ لَفِي خُسْرٍ (แท้จริงมนุษย์นั้นอยู่ในการขาดทุน)
เว้นแต่...( إلاَّ )
1. الَّذِينَ آمَنُوا (ผู้ศรัทธา)
- ศรัทธาในอัลลอฮฺ
- ศรัทธาในบรรดามะลาอิกะฮฺของพระองค์
- ศรัทธาในคัมภีร์ของพระองค์
- ศรัทธาในศาสนฑูต(รอซูล)ของพระองค์
- ศรัทธาในวันกิยามัต(วันสิ้นโลก)
- ศรัทธาในกฎสภาวะของพระองค์
นับเป็นสิ่งแรกและสิ่งหลักที่จะกำหนดแนวทางการปฏิบัติของบุคคล ดังที่อัลลอฮฺได้กล่าวในอายะฮฺหนึ่งว่า
إِنَّ اللّهَ لاَ يُغَيِّرُ مَا بِقَوْمٍ حَتَّى يُغَيِّرُواْ مَا بأنفسهم [الرعد : 11]
ความว่า : แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่เปลี่ยนแปลงวาสนาของชนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งนอกจากพวกเขาได้เปลี่ยนแปลงภายใน(จิต)ของพวกเขาเอง (อัร-รออฺดุ 13/11)
ความศรัทธา คือ เปลี่ยนแปลงภายใน
วิลเลียม พิลเลย์ ได้กล่าวว่า “จงเปลี่ยนความคิดของคุณแล้วโลกของคุณก็จะเปลี่ยนแปลง”หรือเราอาจกล่าวในอีกนัยหนึ่ง คือการเปลี่ยนเจตคติ(Attitude) พฤติกรรมของมนุษย์ที่จะแสดงออกหรือไม่แสดงอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับเจตคติของเขาที่มีต่อสิ่งนั้น
2. وَعَمِلُوا الصَّالِحَاتِ (และผู้ที่ทำความดี)
- ปฏิบัติตามหลักศาสนบัญญัติครบสมบูรณ์ เช่น ละหมาด ถือศีลอด ทำฮัจญ์ เป็นต้น
- ทำความดีตามที่สังคมได้กำหนด
- ทำความดีตามที่กฎหมายบ้านเมืองได้บัญญัติทั้งนี้และทั้งนั้น ที่เป็นความดีที่สังคมกำหนดต้องไม่ขัดกับกรอบที่ศาสนาวางไว้
يَا أَيُّهَا الَّذِينَ آَمَنُوا لِمَ تَقُولُونَ مَا لَا تَفْعَلُونَ [الصف : 2]
ความว่า : โอ้ผู้ศรัทธาทั้งหลาย ทำไมเจ้าพูดในสิ่งที่เจ้าไม่ทำ (อัศ-ศอฟ :61/2)
كَبُرَ مَقْتاً عِندَ اللَّهِ أَن تَقُولُوا مَا لَا تَفْعَلُونَ [الصف : 3]
ความว่า : บาปใหญ่ ณ ที่ของอัลลอฮฺนั้น คือ การที่พวกเจ้าพูดในสิ่งที่พวกเจ้าไม่ทำ (อัศ-ศอฟ :61/3)
3. وَتَوَاصَوْا بِالْحَقِّ (และผู้ตักเตือนกันและกันในสิ่งที่เป็นสัจธรรม)
บางครั้งเราจะให้คำนิยามของมนุษย์ คือ มนุษย์เป็นสัตว์สังคม จริงๆแล้วมนุษย์ไม่ใช่สัตว์ แต่มีพฤติกรรมบางอย่างเหมือนสัตว์หรือคล้ายสัตว์ และมนุษย์ใช้ชีวิตแบบต้องพึงพาสังคม การที่จะให้อยู่ในสังคมอย่างสันติสุขนั้นจำเป็นที่จะต้องมีข้อตกลงระหว่างกัน และข้อตกลงนี้บางทีเราเรียกว่า ขนบธรรมเนียมประเพณี บางครั้งเราเรียกว่ากฎหมาย รัฐธรรมนูญหรือระเบียบที่ใช้บังคับกันในหมู่สังคมนั้น ๆ ซึ่งข้อตกลงนี้เกิดขึ้นด้วยประสบการณ์ของมนุษย์เองแล้วมาขีดเขียนเป็นข้อตกลงกัน บางครั้งทำให้จำเป็นที่จะต้องฉีกแล้วฉีกอีกแล้วเขียนขึ้นมาทำไม เพราะความสมบูรณ์ในตัวมันจะไม่มีเด็กขาด เหตุเพราะความอ่อนแอของมนุษย์ที่มีอยู่ในตัวตนของมนุษย์ อัลลอฮฺผู้ทรงสร้างมนุษย์ได้ตรัสว่า
หรือแม้จะเรียนหนังสือถึงขั้นสูงเพียงใดก็ไม่สามารถเป็นผู้รอบรู้ทุกอย่างได้ อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
แต่สำหรับมุสลิมหรือผู้ศรัทธาแล้ว ข้อตกลงต่างๆในลักษณะนี้ มีไว้ให้เรียบร้อยแล้ว และมีอย่างสมบูรณ์
ศาสนาในที่นี้ไม่ใช่เป็นสิ่งที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจเท่านั้น แต่เป็นวิถีชีวิต ฉะนั้นในการที่จะให้สังคมอยู่เย็นอย่างสันติสุขนั้น นอกจากจะต้องนำบทบัญญัติศาสนามาปฏิบัติอย่างเคร่งครัดแล้ว ทุกคนก็จะต้องบอกต่อๆ เพื่อให้ทุกคนได้ปฎิบัติการดี وَتَوَاصَوْا بِالْحَقِّ (บอกต่อๆในสิ่งที่เป็นสัจธรรม)
(2) คือตำแหน่งนี้หรือการตอบแทนนี้ จะไม่มีใครได้รับปรโลก นอกจากบรรดาผู้อดทนปฏิบัติตามพระบัญชาของอัลลอฮฺ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น