วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ความประเสริฐของความรู้(1)

ความประเสริฐของความรู้* 



        หลักฐานอ้างอิงถึงความประเสริฐของความรู้จากอายะฮฺอัลกุรอาน อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ว่า

شَهِدَ اللَّهُ أَنَّهُ لَا إِلَٰهَ إِلَّا هُوَ وَالْمَلَائِكَةُ وَأُولُو الْعِلْمِ قَائِمًا بِالْقِسْطِ ۚ 
ความว่า :   อัลลอฮ์ทรงยืนยันว่า แท้จริงไม่มีผู้ที่ควรได้รับการเคารพสักการะใด ๆ นอกจากพระองค์เท่านั้น และมะลาอิกะฮ์และผู้มีความรู้ในฐานะดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมนั้น (อาลิอิมรอน 3:18)
จะเห็นได้ว่า อัลลอฮฺได้เปรียบเทียบโดยวางลำดับของความความสำคัญ เริ่มจากพระองค์เองผู้ทรงสูงทรงและมหาบริสุทธิจากภาคีทั้งมวล แล้วบรรดามะลาอิกะฮฺที่เป็นฑูตของพระองค์แล้วผู้ทรงความรู้ที่ยุติธรรม แค่นี้ก็นับว่าเพียงพอแล้วสำหรับเจ้า(ท่านผู้อ่าน)ที่จะยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าผู้ทรงความรู้และความรู้นั้นประเสริฐและมีเกียรติยิ่งอย่างไร

วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ซูเราะฮฺ อัล-ญิน : 1 - 2

( 1 )   จงกล่าวเถิด(มุหัมมัด)ว่า ได้มีวะฮียฺมายังฉันว่า แท้จริงพวกญินจำนวนหนึ่งได้ฟัง(อ่านกุรอาน) และพวกเขากล่าวว่า แท้จริงเราได้ยินกุรอานที่แปลกประหลาด   ( 2 )   อัลกุรอาน
นำไปสู่ทางที่ถูกต้อง ดังนั้นพวกเราจึงศรัทธาต่ออัลกุรอานนั้น และเราจะไม่ตั้งสิ่งใดเป็นภาคีต่อพระเจ้าของเรา
قُلْ أُوحِيَ إِلَيَّ أَنَّهُ اسْتَمَعَ نَفَرٌ مِنَ الْجِنِّ فَقَالُوا إِنَّا سَمِعْنَا قُرْآنًا عَجَبًا 

ความว่า : จงกล่าวเถิด(มุหัมมัด)ว่า ได้มีวะฮียฺมายังฉันว่า แท้จริงพวกญินจำนวนหนึ่งได้ฟัง(อ่านกุรอาน) และพวกเขากล่าวว่า แท้จริงเราได้ยินกุรอานที่แปลกประหลาด

เหตุการณ์ญินได้ยินเสียงอ่านอัลกุรอานนี้ จากบันทึกเศาะหีหฺของมุสลิมและอัตติรมีซีย์ได้เขียนไว้พอสรุปได้ว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ได้มีปัญหากับการประกอบอาชีพของญิง ก่อนหน้านั้นญินสามารถขึ้นไปบนฟ้าเพื่อฟังคำลิขิตต่างๆที่จะเกิดบนโลกมนุษย์ แต่หลังจากนั้นพวกเขาไม่สามารถที่จะขึ้นไปอีก ขึ้นไปทีไรก็โดนขว้างด้วยก้อนไฟตกลงมา เลยทำให้ผู้นำของพวกเขาเกณฑ์ให้กลุ่มของพวกเขาออกไปตามหาสาเหตุที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถขึ้นบนฟ้ากฟ้าได้ ในระหว่างนั้นท่านนบี(ศ็ิอลฯ)กำลังละหมาดศุบฮฺอยู่ในสวนอินตผาลัมระหว่างเมือกมักกะฮฺกับเมืองฏออีฟ พวกญินได้ยินเสียงอัลกุรอานที่ท่านนบีกำลังอ่านอยู่่ (ตัฟซีร อัลุรฏุบี)

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

อิคลาศ : หะดีษที่ 1



หะดีษที่ 1
عَنْ أَميرِ الْمُؤْمِنِينَ أبي حفْصٍ عُمرَ بنِ الْخَطَّابِ بْن نُفَيْل بْنِ عَبْد الْعُزَّى بن رياح بْن عبدِ اللَّهِ بْن قُرْطِ بْنِ رزاح بْنِ عَدِيِّ بْن كَعْبِ بْن لُؤَيِّ بن غالبٍ القُرَشِيِّ العدويِّ . رضي الله عنه ، قال : سمعْتُ رسُولَ الله صَلّى اللهُ عَلَيْهِ وسَلَّم يقُولُ
« إنَّما الأَعمالُ بالنِّيَّات ، وإِنَّمَا لِكُلِّ امرئٍ مَا نَوَى ، فمنْ كانَتْ هجْرَتُهُ إِلَى الله ورَسُولِهِ فهجرتُه إلى الله ورسُولِهِ ، ومنْ كاَنْت هجْرَتُه لدُنْيَا يُصيبُها ، أَو امرَأَةٍ يَنْكحُها فهْجْرَتُهُ إلى ما هَاجَر إليْهِ »
متَّفَقٌ على صحَّتِه. رواهُ إِماما المُحَدِّثِين: أَبُو عَبْدِ الله مُحَمَّدُ بنُ إِسْمَاعيل بْن إِبْراهيمَ بْن الْمُغيرة بْن برْدزْبَهْ الْجُعْفِيُّ  الْبُخَارِيُّ، وَأَبُو الحُسَيْنِى مُسْلمُ بْن الْحَجَّاجِ بن مُسلمٍ القُشَيْريُّ  النَّيْسَابُوريُّ رَضَيَ الله عَنْهُمَا في صَحيحيهِما اللَّذَيْنِ هما أَصَحُّ الْكُتُبِ الْمُصَنَّفَة .

      ความว่า : รายงานจาก อะมีร์มุมินีน อะบูฮัฟสิน อุมะร์ อิบนุ ค็อฏฏอบ อิบนุ นุไฟล์ อิบนุ อับดุลอุซซา อิบนุ ริยาฮฺ อิบนะ อับดุลลอฮฺ อิบนุ กุรฎิ อิบนุ ซารอฮฺ อิบนุ อาดีย์ อิบนุ กะอฺบิ อิบนุ ลุไอย์ อิบนะ ฆอลิบ อัลกุรอยช์ อัลอัดวีย์ รอฎอยัลลอฮฺฮุอันฮุ(ขออัลลอฮฺได้โปรดปรานท่าน) กล่าวว่า  :  ฉันได้ยินท่านเราะซูลุลลอฮฺ (ศ็อลลอลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าว่า ..
การงานต่างๆ นั้นขึ้นอยู่กับการตั้งใจ และทุกคนจะได้รับการตอบแทนตามที่เขาตั้งใจไว้ การอพยพของบุคคลใดเขาทำเพื่ออัลลอฮฺและเราะซูลของพระองค์ การอพยพของเขาก็จะเป็นไปเพื่ออัลลอฮฺและเราะซูลของพระองค์ และการอพยพของบุคคลใดทำเพื่อหวังผลจากสิ่งบนโลก หรือเพื่อหญิงที่ต้องการแต่งงานด้วย การอพยพของเขาก็จะเป็นไปตามเจตนาที่เขาได้อพยพมา
ทั้งสองท่านเห็นพ้องตรงกันว่าเป็นหะดีษที่ถูกต้อง(เศาะหีหฺ) (เราจะเรียกย่อๆว่า มุตตะฟะกุน อะลัยฮิ)            บันทึกโดย อิมามหะดีษทั้งสองท่าน คือ อะบู อับดุลลอฮฺ มุฮำหมัด อิบนุ อิสมาอีล อิบนุ อิบรอฮีม อิบนุ อัลมฆีเราะฮฺ อิบนุ บัรดีซบะฮฺ อัล ญุอฟีย์ อัลบุคอรียฺ (เรียกย่อๆว่า อัลบุคอรียฺ)และ อะบู อัลฮะซัน มุสลิม อิบนุ อัลฮัจญาจ อิบนุ มุสลิม อัลกุชัยรีย์ อันไนซาบูรีย์ (เรียกย่อๆว่า มุสลิม) รอฎียัลลอฮุอันฮุมา(อัลลอฮฺทรงโปรดปรานท่านทั้งสอง) ในหนังสือหะดีษของท่านทั้งสอง ซี่งเป็นหนังสือที่ถูกต้อง(เศาะฮีฮฺ) ที่สุด

บทที่ 1 : อิคลาศ(บริสุทธิ์ใจต่ออัลลอฮฺ)





บทที่ 1

بَابُ الإِخْلاَصِ وَإِحْضَارِ النِّيَّةِ فيِ جَمِيْعِ الأَعْمَالِ وَالأَقْوَالِ وَالأَحْوَالِ البَارِزَةِ وَالخَفِيَّةِ
เรื่อง ความบริสุทธิ์ใจและการตั้งเจตนาในทุกการงาน คำพูดและอริยาบททั้งที่เปิดเผยและที่ซ่อนเร้น

إخلاص (อิคลาศ) : หมายถึงการปฏิบัติหรือการทำงานเพื่ออัลลอฮฺเท่านั้น มิใช่เพื่อสิ่งอื่นใด และเป็นเงื่อนไขหนึ่งใน 4 เงื่อนไขที่อัลลอฮฺจะยอมรับในการงานนั้น
                    เงื่อนไขที่อัลลอฮฺจะยอมรับในการงานของบ่าวของพระองค์ ประกอบด้วย 2 เงื่อนไขหลักและ 4 เงื่อนไขย่อย
1.  เงื่อนไขความถูกต้องประกอบด้วย 2 เงื่อนไขย่อย คือ บริสุทธิ์ใจ ทำเพื่ออัลลอฮฺเท่านั้น และถูกต้องตามแนวทาง(ซุนนะฮฺ)ของนบี(ศ็อลฯ)
2.  เงื่อนไขความสมบูรณ์ ประกอบด้วย 2 เงื่อนไข คือ
ก.    ยึดถือด้วยความเข้มแข็ง ดังที่อัลลอฮฺได้ตรัสในซูเราะฮฺอัลบะกอเราะฮฺ อายะฮฺ ที่ 63 ว่า
خُذُواْ مَا آتَيْنَاكُم بِقُوَّةٍ
ความว่า : จงยึดถือสิ่งที่เราได้ให้แก่พวกเจ้าด้วยความเข้มแข็ง (อับบะเกาะเราะฮฺ : 2/63)
ข.    ทำทันที  อัลลอฮฺได้ตรัสในซูเราะฮฺ ฎอฮา อายะฮฺ ที่ 42 ว่า
وَلاَ تَنِيَا فِي ذِكْرِي
ความว่า : และเจ้าทั้งสองอย่าเฉื่อยชาในการรำลึกถึงข้า (อัฏฏอฮา  :20/42)

คำนำ : ริยาดุศศอลิฮีน




بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد والسلام على سيد المرسلين وعلى آله وصبح أجمعين .

            หะดีษนบี   เป็นสิ่งหนึ่งที่มุสลิมทุกคนต้องเรียนรู้ ต้องทำความเข้าใจ เพื่อไปปฏิบัติใช้อย่างถูกต้อง อัลลอฮฺ ได้ตรัสในสูเราะฮฺ อันนัจญฺมุ อายะฮฺ ที่ 3-4 ว่า

وَمَا يَنطِقُ عَنِ الْهَوَى إِنْ هُوَ إِلاَّ وَحْيٌ يُوحَى

ความว่า : "และเขามิได้พูดตามอารมณ์ แต่เป็นวะฮีย์ที่อัลลอฮฺประทานลงมา"

และอายะฮฺที่ 31 สูเราะฮฺ อาลิ อิมรอน

قُلْ إِن كُنتُمْ تُحِبُّونَ اللّهَ فَاتَّبِعُونِي يُحْبِبْكُمُ اللهُ
وَيَغْفِرْ لَكُمْ ذُنُوبَكُمْ وَاللّهُ غَفُورٌ رَّحِيمٌ 
 

ความว่า : "จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า พวกเขาหากพวกท่านรักอัลลอฮ์ ก็จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮ์ก็จะทรงรักพวกท่าน และจะทรงอภัยให้แก่พวกท่านซึ่งโทษทั้งหลายของพวกท่าน และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ"

ฉะนั้นเพื่อเป็นมุสลิมที่เข้มแข็งเป็นที่รักของอัลลอฮฺ นอกจากจะต้องศึกษาอัลกุรอานแล้วจะต้องศึกษาหะดีษนบี(ศ็อลฯ)ด้วย เพื่อนำไปปฏิบัติเป็นกิจวัตรประจำวัน อิมามนะวาวีย์ ได้เลือกหะดีษนบี  พันกว่าหะดีษ เขียนรวบรวมเป็นหนังสือมีชื่อว่า رياض الصالحين (ริยาฎุศศอลีฮีน) ซึ่งหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือหะดีษที่มุสลิมทุกคนควรมีใว้ควบคู่กับอัลกุรอานเป็นอย่างน้อย และต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของเนื้อหาในหนังสือเล่มดังกล่าวที่ผู้เขียนได้แปลเป็นภาษาไทยและได้อธิบายความหมายโดยรวบรวมจากคำอธิบายในหนังสืออธิบายเล่มต่างๆ เช่น دليل الفالحين   และ نزهة المتقين เป็นต้น พร้อมๆกับนำเสนอบทเรียนที่ได้จากหะดีษที่ยกมา

ผู้เขียนหวังว่างานแปลหะดีษชุดนี้สามารถให้ประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย และขออัลลอฮฺโปรดทำให้งานชิ้นนี้เป็นงานที่มีคุณค่าตามที่ผู้เขียนได้หวังไว้ และขอให้เป็นคำพูดที่อยู่ในกลุ่มของคำพูดที่ดีเลิศที่เชิญชวนไปสู่อัลลอฮ์และผู้ปฏิบัติงานที่ดี และกล่าวว่าแท้จริงฉันเป็นคนหนึ่งในบรรดาผู้นอบน้อม(มุสลิมีน)

وصل الله وعلى سيدنا محمد وعلى آله وصحبه أجمعين

มัสยิด อัลมุสตอฟา
16 เราะมะฎอน 1428
28 กันยายน 2550

อะบูมูซา ผู้เขียน

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ใต้ร่มเงาอัลกุรอาน(1) : อัลฟาติหะฮฺ (1)


بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِ
ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งในความเมตตาผู้ทรงยิ่งในความกรุณา
สูเราะฮฺที่ 1 อัลฟาติหะฮฺ
มักกียะฮฺ มี 7 อายะฮฺ
ชื่อบท “อัลฟาตีหะฮฺ” มีความหมายว่า “บทเริ่มต้น” เพราะเป็นบทแรกของการจัดลำดับอัลกุรอาน

بِسْمِ اللهِ الرَّحْمنِ الرَّحِيمِ (1) الْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِينَ (2) لرَّحْمـنِ الرَّحِيمِ (3) مَالِكِ يَوْمِ الدِّينِ (4) إِيَّاكَ نَعْبُدُ وإِيَّاكَ نَسْتَعِينُ (5) اهدِنَا الصِّرَاطَ المُستَقِيمَ (6) صِرَاطَ الَّذِينَ أَنعَمتَ عَلَيهِمْ غَيرِ المَغضُوبِ عَلَيهِمْ وَلاَ الضَّالِّينَ (7)
1. ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งในความเมตตาผู้ทรงยิ่งในความกรุณา  2.  มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺผู้ทรงอภิบาลจักรวาล  3.  ผู้ทรงยิ่งในความเมตตาผู้ทรงยิ่งในความกรุณา  4.  ผู้ทรงสิทธิอำนาจในวันตอบแทน  5.  เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่เรานมัสการ เฉพาะพระองค์ เท่านั้นที่เราขอความชวยเหลือ  6.  โปรดชี้นำเราสู่แนวทางอันเที่ยงตรงเถิด  7.  แนวทางของบรรดาผู้ทีพพระองคทรงโปรดปราณแก่พวกเขา มิใช่แนวทางของพวกที่ถูกกริ้ว และมิใช่ (แนวทางของ) พวกที่หลงผิด”[1]

สูเราะฮฺสั้น ๆ ที่มีเพียง 7 อายะฮ์ แตกลับเป็นสูเราะฮฺทีมุสลิมอ่านซ้ำแล้วซ้ำเล่า ครั้งแล้วครั้งเล่าถึ่ง 17 ครั้งตลอดเวลาหนึ่งวันและหนึ่งคืนเป็นอย่างน้อย หรือมากกว่านั้นหากพวกเขาละหมาดซุนัต และจำนวนครั้งของการอานสูเราะฮฺสั้น ๆ สูเราะฮฺนี้จะเพิมขื้นอีกหลายเท่าทวีคูณอย่างไม่มี เขตจำกัด หากพวกเขาต้องการยืนอยู่ ณ ความโปรดปรานของอัลลอฮฺด้วยการอ่านในที่ที่นอกเหนือจากการอ่านในละหมาดฟัรฏูและซุนัต การะหมาดจะไม่สามารถเกิดขึ้นได้โดยปราศจากการอานสูเราะฮฺนี้ เพราะมีหลักฐานปรากฏอยู่ในเศาะฮีฮฺทั้งสองเล่ม (อัลบุคอรียฺและมุสลิม) ในรายงานของท่านอุบาดะฮฺ บิน ซอมิด จากท่านเราะซูลุลลอฮ (ศ็อลฯ) ว่า “ไม่เป็นการละหมาดสำหรับผู้ที่ไม่อ่านสูเราะฮฺอัลฟาตีหะฮฺ

มุสลิมไม่ควรเปิดเผยข้อผิดพลาดของมุสลิม


عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ ، عَنِ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ، قَالَ :  
لَا يَسْتُرُ عَبْدٌ عَبْدًا فِي الدُّنْيَا إِلَّا سَتَرَهُ اللَّهُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ   
ความว่า : รายงานจากอะบูฮุร็อยเราะฮฺ ว่า ท่านนบี -ศ็อลล็อลฮุอะลัยฮิวะซัลลัม- ท่านได้กล่าวว่า "บ่าวคนหนึ่งจะไม่ปิดบัง(การงานที่ไม่ดีของ)บ่าวอีกคน เว้นแต่อัลลอฮฺได้ปิดบังเขา(จากไฟนรก)ในวันกิยามะฮฺ"
(บันทึกโดย มุสลิม หะดีษที่ 2590 ในหนังสือ เศาะหีหฺมุสลิม ในเรื่องความดีและความสัมพันธ์ หัวข้อ ผู้ที่อัลลอฮฺจะปกปิดความบกพร่องของเขาบนโลก) 
หะดีษนี้อิมามนะวาวีได้เขียนในหัวข้อเรื่อง "การปกปิดเอาเราะฮฺ(ส่วนพึงสงวน)ของมุสลิมและห้ามการเผยแพร่โดยไม่จำเป็น"  โดยท่านได้ยกอายะฮฺอัลกุรอาน อายะฮฺที่ 19 ซูเราะฮฺ อัน-นูรฺ กล่าวนำในหัวข้อนี้
อัลลอฮฺตรัสว่า

ปกปิดและไม่เผยแพร่



 عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ عَنِ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ
    لَا يَسْتُرُ اللَّهُ عَلَى عَبْدٍ فِي الدُّنْيَا إِلَّا سَتَرَهُ اللَّهُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ
ความว่า : รายงานจาก อะบูหุร็อยเราะฮฺ-เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ- ท่านนบี-ศ็อลล็อลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม-ได้กล่าวว่า "อัลลอฮฺจะไม่ปกปิดปิดบ่าวของพระองค์คนใดคนหนึ่งในโลกนี้ เว้นแต่อัลลอฮฺจะปิดบังในวันอาคีเราะฮฺ(วันสิ้นโลก)ด้วย"
(บันทึกโดย มุสลิม จากหนังสือเศาะหีหมุสลิม หะดีษที่ 2590)
อัลกอฎี ได้กล่าวว่า สามารถมองได้ใน 2 มุมมอง
  1. ปกปิดสิ่งที่คนอื่นทำในสิ่งไม่ดีและข้อบกพร่องจากความผิดพลาดของเขา ไม่เผยแพร่ในสิ่งที่ไม่ดีนั้น 
  2. ไม่คิดเอาเรื่องกับความผิดพลาดกับคนๆนั้นและไม่กล่าวถึงในสิ่งนั้นอีก

ซูเราะฮฺ อัล-ญิน


ซูเราะฮฺ อัล-ญิน เป็นซูเราะฮฺในลำดับที่ 72 ตามการเรียงลำดับที่นิยมใช้อยู่ในปัจจุบัน มีอายะฮฺ(โองการ)ทั้งหมด 28 อายะฮฺ

ซูเราะฮฺ อัล-ญินนี้เป็นซูเราะฮฺมักกียะฮฺ(ประทานลงมาก่อนที่ท่านนบี(ศ็อลฯ)จะฮิจเราะฮฺไปยังเมืองมะดีนะฮฺ) โดยมีเนื้อหาเป้าหมายหลักของซูเราะฮฺนี้เกี่ยวข้องกับ "ความเป็นเอกะของพระผู้เป็นเจ้า สาสน์ของพระองค์ การฝื้นคืนชีพ และผลตอบแทนที่จะได้จากการกระทำบนโลกนี้"

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

็أنق كونچي شرڬا


بسم الله الرحمن الرحيم

سڬل فوجي تنتو باڬي الله تعالى توهن يڠ كتوڠڬالن اي فد ذات دان صفات دان فربواتن. دان مدهمدهن ممبري رحمة سرت ممبسركن دان مسجهتراكن اي اكن همباڽ دان نبيڽ دان رسولڽ يڠ فيليهن، دان أتس سكلين كلوارڬاڽ دان صحابتڽ دان يڠ مڠيكوت مريكئيت دڠن كباجيكن هيڠڬ هاري يڠ كمدين .