انْتَهَيْتُ إلى النبي صلى الله عليه وسلم وهو يَخْطُبُ فقلت: يا رَسُولَ اللَّهِ رَجُلٌ غَرِيبٌ جاء يَسْأَلُ عن دِينِهِ لَا يَدْرِي ما دِينُهُ. قال: فَأَقْبَلَ عَلَيَّ رسول اللَّهِ صلى الله عليه وسلم وَتَرَكَ خُطْبَتَهُ حتى انْتَهَى إلي، فَأُتِيَ بِكُرْسِيٍّ حَسِبْتُ قَوَائِمَهُ حَدِيدًا، قال: فَقَعَدَ عليه رسول اللَّهِ صلى الله عليه وسلم وَجَعَلَ يُعَلِّمُنِي مِمَّا عَلَّمَهُ الله، ثُمَّ أتى خُطْبَتَهُ فَأَتَمَّ آخِرَهَا.
(ฉันได้ไปหาทานนบี ﷺ ระหว่างที่ท่านกำลังเทศนาอยู่ ฉันก็ถามท่านว่า "โอ้เราะซูลุลลอฮฺ มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งถามเกี่ยวกับศาสนาของเขา เขาไม่รู้เลยว่าศาสนาของเขาคืออะไร" แล้วท่านเราะซูลุลลอฮฺก็หันมาหาฉัน และท่านก็ได้หยุดการกล่าวเทศนาที่ท่านกำลังเทศนาอยู่ แล้วเดินมาถึงตัวฉัน แล้วมีคนเอาเก้าอี้มาให้ท่าน ฉันคิดว่าขาเก้าอี้นั้นทำด้วยเหล็ก แล้วท่านนบี(ศ็อลฯ)ก็นั่งบนเก้าอี้นั้น จากนั้นท่านก็สอนฉันอย่างที่อัลลอฮฺได้สอนท่าน เมื่อเสร็จแล้วท่านก็ลุกไปเทศนาต่อจนจบ)(2)
- เมื่ออัลลอฮฺได้ส่งท่านนบี ﷺ เป็นศาสนทูตของพระองค์ ในการชี้แนะ สอนสั่งมนุษย์ให้ดำรงชีวิตอยู่บนโลกนี้ตามหน้าที่หลักที่ทรงสร้างมนุษย์ ดังนั้นทุกการกระทำและคำพูดของท่านนบี(ศ็อลฯ)จริงแล้วท่านไม่ได้พูดเอง แต่เป็นคำบัญชามาจากอัลลอฮฺ ที่พระองค์ได้ผลใจผ่านท่านนบี ﷺ พระองค์กล่าวในคัมภีร์ขอพระองค์เกี่ยวกับคำพูดของท่านนบี ﷺ ว่า
وَمَا يَنطِقُ عَنِ ٱلۡهَوَىٰٓ إِنۡ هُوَ إِلَّا وَحۡيٞ يُوحَىٰ
(และเขามิได้พูดตามอารมณ์ สิ่ง(ที่เขาพูด)นั้น มิใช่อื่นใดนอกจากเป็นวะฮียฺที่ถูกประทานลงมา)(3) - พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างมนุษย์ได้บัญญัติให้มนุษย์อยู่บนโลกนี้ตามแนวทางที่พระองค์กำหนดด้วยการให้ทำตามที่ศาสนทูตของพระองค์ได้ปฏิบัติเป็นแบบอย่าง พระองค์ตรัสว่า
لَّقَدۡ كَانَ لَكُمۡ فِي رَسُولِ ٱللَّهِ أُسۡوَةٌ حَسَنَةٞ لِّمَن كَانَ يَرۡجُواْ ٱللَّهَ وَٱلۡيَوۡمَ ٱلۡأٓخِرَ وَذَكَرَ ٱللَّهَ كَثِيرٗا
(โดยแน่นอน ในรอซูลของอัลลอฮฺมีแบบฉบับอันดีงามสำหรับพวกเจ้าแล้ว สำหรับผู้ที่หวัง (จะพบ) อัลลอฮฺและวันปรโลกและรำลึกถึงอัลลอฮฺอย่างมาก)(4)
และพระองค์ก็ได้ให้ท่านนบี ﷺ กล่าวยืนยันแก่เพื่อนมนุษย์โดยที่พระองค์ก็ได้ตรัสว่าท่านนบีก็ได้กล่าวว่า
قُلۡ إِن كُنتُمۡ تُحِبُّونَ ٱللَّهَ فَٱتَّبِعُونِي يُحۡبِبۡكُمُ ٱللَّهُ وَيَغۡفِرۡ لَكُمۡ ذُنُوبَكُمۡۚ وَٱللَّهُ غَفُورٞ رَّحِيمٞ
(จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า หากพวกท่านรักอัลลอฮฺ ก็จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮฺก็จะทรงรักพวกท่าน และจะทรงอภัยให้แก่พวกท่านซึ่งโทษทั้งหลายของพวกท่าน และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ)(5) - ด้วยอิทธิพลของโลกตะวันตกทำให้เราได้ห่างไกลจากแนวทางการให้การศึกษาตามแนวทางของท่านนบี ﷺ ตามที่อัลลอฮฺทรงประสงค์ ส่วนใหญ่แล้วทั้งโลกมุสลิมและสากลโลกทั่วไปจะยึดแนวทางการการให้การศึกษาตามรูปแบบที่ตะวันตกกำหนด เราไม่ได้เจาะลึกที่จะศึกษาเรื่องการศึกษานี้ตามแนวทางของท่านนบี ﷺ และส่วนใหญ่แล้วมุสลิมยุคหลังๆ จะศึกษาอิสลามมุ่งเน้นวิธีการทำการภักดีหรืออิบาดัตต่ออัลลอฮฺเป็นส่วนใหญ่ ละทิ้งและไม่ค่อยจะศึกษาทฤษฎีต่างๆที่เกี่ยวกับการศึกษาตามแนวทางของท่านนบี ﷺ
- ด้วยความเมตตาที่อัลลอฮฺประทานมาให้แก่มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือไม่ใช่มุสลิม เราจึงพบว่าคนยุโรปโดยเฉพาะยิวไซออนิซมีความพยายามและความเก่งกาจในการศึกษาหาทฤษฎีต่างเกี่ยวกับการศึกษาและมนุษย์ทั่วโลกก็พลอยเห็นด้วยนำไปปฏิบัติใช้ ซึ่งในบางครั้งก็จะพบว่าถูกบ้างผิดบ้างตามขีดจำกัดที่อัลลอฮฺมอบหมายความสามารถแก่พวกเขา ทำให้ทฤษฎีต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงกันอยู่เสมอ เพราะพวกเขาศึกษามนุษย์โดยไม่ได้ยึดหลักความเป็นมนุษย์ตามที่อัลลอฮฺได้สร้างขึ้นมา
- ความบริสุทธิ์ใจ
- นุ่มนวลและโอนโยน
- แบบอย่างที่ดีและมารยาทที่งดงาม
- ทดสอบผู้เรียน
- กระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอน
- อธิบายให้ความกระจ่างด้วยวิธีที่หลากหลาย
- คว้าโอกาสในการให้การศึกษา
- จัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่สนุกสนานและละเล่นกับผู้เรียน
- ให้คำตักเตือน
- โน้มน้าวและข่มขู่(الترغيب والترهيب)
- ศึกษาจากปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง
- สร้างประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียน
- ให้ความสำคัญกับผลที่ผู้เรียนได้รับ
- ส่งเสริมให้ผู้เรียนฝึกฝน
- กระตุ้นให้ผู้เรียนคิดไตร่ตรอง
- คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล
- สอนตามลำดับขั้นจากง่ายไปหายาก
- ส่งเสริมให้ผู้เรียนตั้งคำถาม
- หลีกเลี่ยงการพูดในสิ่งที่ไม่รู้
- หลีกเลี่ยงความเบื่อยหนาย
- สรุปแล้วลงรายละเอียด
- ถือโอกาสรับผลประโยชน์จากคนอื่น
- ยกย่องและสรรเสริญผู้เรียน
- นำเสนอความรู้แก่ผู้เรียน

