วันเสาร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2564

เทคนิคการสอนตามแนวทางของท่านนบี(ศ็อลฯ) (1)

 


" إنما بعثت معلما "
(แท้จริงฉันถูกส่งมาเป็นครู)(1)
   
الحمد لله رب العالمين و الصلاة و السلام على اشرف المرسلين و سيد المربين نبينا محمد صلى الله عليه وسلم وآله وصحبه أجمعين: أما بعد ..
มวลการสรรเสริญเป็นของพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก คำอธิษฐานและขอสุขสันติจงมีแด่ผู้ส่งสารที่มีเกียรติที่สุด ผู้นำของผู้ให้การศึกษา ท่านนบีของเรามูฮัมหมัด  ขอให้คำอธิษฐานของอัลลอฮฺและสันติสุขมีแด่ท่าน ครอบครัวของท่านและสหายของท่านทั้งมวล

อะบู ริฟาอะฮฺ (เราะฎิฯ) ได้รายงานว่า 

انْتَهَيْتُ إلى النبي صلى الله عليه وسلم وهو يَخْطُبُ فقلت: يا رَسُولَ اللَّهِ رَجُلٌ غَرِيبٌ جاء يَسْأَلُ عن دِينِهِ لَا يَدْرِي ما دِينُهُ. قال: فَأَقْبَلَ عَلَيَّ رسول اللَّهِ صلى الله عليه وسلم وَتَرَكَ خُطْبَتَهُ حتى انْتَهَى إلي، فَأُتِيَ بِكُرْسِيٍّ حَسِبْتُ قَوَائِمَهُ حَدِيدًا، قال: فَقَعَدَ عليه رسول اللَّهِ صلى الله عليه وسلم وَجَعَلَ يُعَلِّمُنِي مِمَّا عَلَّمَهُ الله، ثُمَّ أتى خُطْبَتَهُ فَأَتَمَّ آخِرَهَا.

(ฉันได้ไปหาทานนบี  ระหว่างที่ท่านกำลังเทศนาอยู่ ฉันก็ถามท่านว่า "โอ้เราะซูลุลลอฮฺ มีชายแปลกหน้าคนหนึ่งถามเกี่ยวกับศาสนาของเขา เขาไม่รู้เลยว่าศาสนาของเขาคืออะไร" แล้วท่านเราะซูลุลลอฮฺก็หันมาหาฉัน และท่านก็ได้หยุดการกล่าวเทศนาที่ท่านกำลังเทศนาอยู่ แล้วเดินมาถึงตัวฉัน แล้วมีคนเอาเก้าอี้มาให้ท่าน ฉันคิดว่าขาเก้าอี้นั้นทำด้วยเหล็ก แล้วท่านนบี(ศ็อลฯ)ก็นั่งบนเก้าอี้นั้น จากนั้นท่านก็สอนฉันอย่างที่อัลลอฮฺได้สอนท่าน เมื่อเสร็จแล้วท่านก็ลุกไปเทศนาต่อจนจบ)(2)

จากหะดีษนี้ทำให้เข้าใจได้ว่า หน้าหนึ่งที่ถือว่าเป็นหน้าที่หลักของท่านนบี(ศ็อลฯ) คือ การสอนเพื่อนมนุษย์ ดังนั้นเราสามารถที่จะสรุปได้ดังนี้
  1. เมื่ออัลลอฮฺได้ส่งท่านนบี ﷺ เป็นศาสนทูตของพระองค์ ในการชี้แนะ สอนสั่งมนุษย์ให้ดำรงชีวิตอยู่บนโลกนี้ตามหน้าที่หลักที่ทรงสร้างมนุษย์ ดังนั้นทุกการกระทำและคำพูดของท่านนบี(ศ็อลฯ)จริงแล้วท่านไม่ได้พูดเอง แต่เป็นคำบัญชามาจากอัลลอฮฺ ที่พระองค์ได้ผลใจผ่านท่านนบี ﷺ พระองค์กล่าวในคัมภีร์ขอพระองค์เกี่ยวกับคำพูดของท่านนบี ﷺ ว่า
    وَمَا يَنطِقُ عَنِ ٱلۡهَوَىٰٓ   إِنۡ هُوَ إِلَّا وَحۡيٞ يُوحَىٰ 
    (และเขามิได้พูดตามอารมณ์ สิ่ง(ที่เขาพูด)นั้น มิใช่อื่นใดนอกจากเป็นวะฮียฺที่ถูกประทานลงมา)(3)
  2. พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงสร้างมนุษย์ได้บัญญัติให้มนุษย์อยู่บนโลกนี้ตามแนวทางที่พระองค์กำหนดด้วยการให้ทำตามที่ศาสนทูตของพระองค์ได้ปฏิบัติเป็นแบบอย่าง พระองค์ตรัสว่า
     لَّقَدۡ كَانَ لَكُمۡ فِي رَسُولِ ٱللَّهِ أُسۡوَةٌ حَسَنَةٞ لِّمَن كَانَ يَرۡجُواْ ٱللَّهَ وَٱلۡيَوۡمَ ٱلۡأٓخِرَ وَذَكَرَ ٱللَّهَ
    كَثِيرٗا 

    (โดยแน่นอน ในรอซูลของอัลลอฮฺมีแบบฉบับอันดีงามสำหรับพวกเจ้าแล้ว สำหรับผู้ที่หวัง (จะพบ) อัลลอฮฺและวันปรโลกและรำลึกถึงอัลลอฮฺอย่างมาก)(4) 
    และพระองค์ก็ได้ให้ท่านนบี ﷺ กล่าวยืนยันแก่เพื่อนมนุษย์โดยที่พระองค์ก็ได้ตรัสว่าท่านนบีก็ได้กล่าวว่า
    قُلۡ إِن كُنتُمۡ تُحِبُّونَ ٱللَّهَ فَٱتَّبِعُونِي يُحۡبِبۡكُمُ ٱللَّهُ وَيَغۡفِرۡ لَكُمۡ ذُنُوبَكُمۡۚ وَٱللَّهُ غَفُورٞ رَّحِيمٞ 
    (จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า หากพวกท่านรักอัลลอฮฺ ก็จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮฺก็จะทรงรักพวกท่าน และจะทรงอภัยให้แก่พวกท่านซึ่งโทษทั้งหลายของพวกท่าน และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ)(5)
  3. ด้วยอิทธิพลของโลกตะวันตกทำให้เราได้ห่างไกลจากแนวทางการให้การศึกษาตามแนวทางของท่านนบี ﷺ ตามที่อัลลอฮฺทรงประสงค์ ส่วนใหญ่แล้วทั้งโลกมุสลิมและสากลโลกทั่วไปจะยึดแนวทางการการให้การศึกษาตามรูปแบบที่ตะวันตกกำหนด เราไม่ได้เจาะลึกที่จะศึกษาเรื่องการศึกษานี้ตามแนวทางของท่านนบี ﷺ และส่วนใหญ่แล้วมุสลิมยุคหลังๆ จะศึกษาอิสลามมุ่งเน้นวิธีการทำการภักดีหรืออิบาดัตต่ออัลลอฮฺเป็นส่วนใหญ่ ละทิ้งและไม่ค่อยจะศึกษาทฤษฎีต่างๆที่เกี่ยวกับการศึกษาตามแนวทางของท่านนบี 
  4. ด้วยความเมตตาที่อัลลอฮฺประทานมาให้แก่มนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือไม่ใช่มุสลิม เราจึงพบว่าคนยุโรปโดยเฉพาะยิวไซออนิซมีความพยายามและความเก่งกาจในการศึกษาหาทฤษฎีต่างเกี่ยวกับการศึกษาและมนุษย์ทั่วโลกก็พลอยเห็นด้วยนำไปปฏิบัติใช้ ซึ่งในบางครั้งก็จะพบว่าถูกบ้างผิดบ้างตามขีดจำกัดที่อัลลอฮฺมอบหมายความสามารถแก่พวกเขา ทำให้ทฤษฎีต่างๆมีการเปลี่ยนแปลงกันอยู่เสมอ เพราะพวกเขาศึกษามนุษย์โดยไม่ได้ยึดหลักความเป็นมนุษย์ตามที่อัลลอฮฺได้สร้างขึ้นมา
แนวทางการให้การศึกษาและเทคนิคการเรียนการสอนที่ท่านนบีใช้อบรมและสั่งสอนบรรดาเศาะหาบะฮฺรวมถึงมวลมนุษย์ ด้วยวิธีการพูดคุย การทำเป็นแบบอย่างและปฏิกริยาตอบสนองในเวลาการจัดการศึกษา พอที่จะสรุปเป็นข้อๆได้ดังนี้
  1. ความบริสุทธิ์ใจ
  2. นุ่มนวลและโอนโยน 
  3. แบบอย่างที่ดีและมารยาทที่งดงาม
  4. ทดสอบผู้เรียน
  5. กระตุ้นให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมการเรียนการสอน
  6. อธิบายให้ความกระจ่างด้วยวิธีที่หลากหลาย
  7. คว้าโอกาสในการให้การศึกษา
  8. จัดกิจกรรมการเรียนการสอนที่สนุกสนานและละเล่นกับผู้เรียน
  9. ให้คำตักเตือน
  10. โน้มน้าวและข่มขู่(الترغيب والترهيب)
  11. ศึกษาจากปัญหาที่เกิดขึ้นในชีวิตจริง
  12. สร้างประสบการณ์ให้แก่ผู้เรียน
  13. ให้ความสำคัญกับผลที่ผู้เรียนได้รับ
  14. ส่งเสริมให้ผู้เรียนฝึกฝน
  15. กระตุ้นให้ผู้เรียนคิดไตร่ตรอง
  16. คำนึงถึงความแตกต่างระหว่างบุคคล
  17. สอนตามลำดับขั้นจากง่ายไปหายาก
  18. ส่งเสริมให้ผู้เรียนตั้งคำถาม
  19. หลีกเลี่ยงการพูดในสิ่งที่ไม่รู้
  20. หลีกเลี่ยงความเบื่อยหนาย
  21. สรุปแล้วลงรายละเอียด
  22. ถือโอกาสรับผลประโยชน์จากคนอื่น
  23. ยกย่องและสรรเสริญผู้เรียน
  24. นำเสนอความรู้แก่ผู้เรียน
รายละเอียดและตัวอย่างที่ท่านนบี(ศ็อลฯ)ได้ปฏิบัติเป็นแบบอย่างในแต่ละข้อข้างบนนั้นจะกล่าวในตอนต่อไป 
------------------------------------- 
(1) เศาะหีหฺมุสลิม, 4/164, รายงานโดยอะบูนะอีม
(2) มุสลิม, 876
(3) ซูเราะฮฺ อันนัจญมิ 53:3-4
(4) ซูเราะฮฺ อัลอะหฺซาบ 33:21
(5) ซูเราะฮฺ อาลาอิมรอน 3:31

วันพฤหัสบดีที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2564

สรุปอรรถาธิบายอัลกุรอาน : 001 อัลฟาติกะฮ 01

 ซูเราะฮฺ อีลฟาติหะฮฺ : سورة الفاتحة



بِسْمِ ٱللَّهِ ٱلرَّحْمَٰنِ ٱلرَّحِيمِ ﴿١﴾
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาเสมอ
ٱلْحَمْدُ لِلَّهِ رَبِّ ٱلْعَٰلَمِينَ ﴿٢﴾
การสรรเสริญทั้งหลายนั้น เป็นสิทธิของอัลลอฮฺผู้เป็นพระเจ้าแห่งสากลโลก
ٱلرَّحْمَٰنِ ٱلرَّحِيمِ ﴿٣﴾
ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาเสมอ
مَٰلِكِ يَوْمِ ٱلدِّينِ ﴿٤﴾
ผู้ทรงอภิสิทธิ์แห่งวันตอบแทน
إِيَّاكَ نَعْبُدُ وَإِيَّاكَ نَسْتَعِينُ ﴿٥﴾
เฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกข้าพระองค์เคารพอิบาดะฮฺ และเฉพาะพระองค์เท่านั้นที่พวกข้าพระองค์ขอความช่วยเหลือ
ٱهْدِنَا ٱلصِّرَٰطَ ٱلْمُسْتَقِيمَ ﴿٦﴾
ขอพระองค์ทรงแนะนำพวกข้าพระองค์ซึ่งทางอันเที่ยงตรง
صِرَٰطَ ٱلَّذِينَ أَنْعَمْتَ عَلَيْهِمْ غَيْرِ ٱلْمَغْضُوبِ عَلَيْهِمْ وَلَا ٱلضَّآلِّينَ ﴿٧﴾
(คือ) ทางของบรรดาผู้ที่พระองค์ได้ทรงโปรดปราณแก่พวกเขา มิใช่ในทางของพวกที่ถูกกริ้ว และมิใช่ทางของพวกที่หลงผิด


เจตนารมณ์ประทานซูเราะฮฺ

ซูเราะฮฺนี้ถูกประทานลงมาเพื่อยืนยันความเป็นเอกะของพระผู้เป็นเจ้าอัลลอฮฺ และความสมบูรณ์ในทุกส่วนของการภักดีที่มีต่อพระองค์เท่านั้น 

อรรภาธิบายความหมาย

ซูเราะฮฺนี้หรือบทนี้ของพระมหาคัมภีร์อัลกุรอานมีชื่อว่า "อัลฟาฏิหะฮฺ" (แปลว่า ผู้เปิด) เพราะเป็นการเปิดพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน นอกจากนี้ซูเราะฮฺนี้ยังมีชื่ออื่นอีก เช่น "อุมมุลอัลกุรอาน:أم القرآن"(มารดาของพระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน) เพราะเนื้อหาและสาระในเรื่องนี้จะครอบคลุมถึงเนื้อหาทั้งหมดในอัลกุรอานโดยภาพรวม ที่ประกอบด้วย ความศรัทธาในความเป็นเอกะของอัลลอฮฺ การภักดี รวมถึงการกล่าวถึงเรื่องราวต่างๆบางเรื่องในอัลกุรอานและเรื่องอื่นๆ

ซูเราะฮฺนี้นับเป็นซูเราะฮฺที่ยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่งซูเราะฮฺหนึ่ง เพราะเป็นซูเราะฮฺเดียวที่มุสลิมจะต้องอ่านซ้ำแล้วซ้ำอีกหลายๆครั้งในเวลาหนึ่งวัน โดยเฉพาะในเวลาละหมาด

  1. เริ่มต้นด้วยการขอพึ่งพิงอัลลอฮฺ ด้วยการกล่าว "ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ" หรือ "ด้วยอัลลอฮฺ" ผู้ทรงเมตตา กรุณา และปราณีเสมอ ที่มีต่อมนุษย์และทุกทรัพย์สิ่งที่พระองค์ทรงสร้างขึ้นมา ด้วยการประทานให้สิ่งต่างๆอย่างใหญ่หลวง
  2. สรรเสริญที่สมบูรณ์แบบต่ออัลลฮฺที่พระองค์ทรงทรงให้บังเกิดทุกสิ่งทุกอย่างที่ไม่ไร้สาระ พระองค์ทรงครอบครอง ทรงจัดการและดูแลทุกสิ่งทุกอย่างให้ดำเนินไปอย่างมีประโยชน์สูงสุดแก่มนุษย์
  3. ผู้ทรงเมตตา ประทานให้ปัจจัยต่างๆแก่มนุษย์ทั้งที่เป็นผู้ที่ศรัทธาต่อพระองค์และผู้ปฏิเสธ
  4. พระองค์ผู้ทรงครอบครอง ทรงมีอำนาจและทรงอภิสิทธิ์เด็ดขาดในวันตอบแทนการกระทำของมนุษย์บนโลกนี้ คือ ในวันสิ้นโลกหรือวันกิยามะฮฺ วันนั้นใครสร้างอะไร ทำอะไรไว้บนโลกนี้ก็จะได้รับการตอบแทนที่สาสมตามที่ได้กระทำ ถ้าทำดีผลที่ได้คือความสุขสบายในสวนสวรรค์ ถ้าทำชั่วหรือไม่ตรงตามที่พระองค์ได้สร้างเขามา การตอบแทนที่เขาได้รับคือการทรมานอันแสนเจ็บปวดในนรก
  5. ต่อพระองค์เท่านั้นที่เราภักดี ในทุกรูปแบบของการแสดงการภักดีหรือการทำอิบาดัต เราทำเพื่อพระองค์เท่านั้น และทำตามที่พระองค์ทรงใช้ให้ทำและหางไกลจากสิ่งที่พระองค์ทรงห้าม สื่อกับพระองค์โดยตรง ไม่มีสื่ออื่นมาขวางกั้นหรือสื่อสารกั้นระหว่างเรากับพระองค์ และไม่ตั้งภาคีใดๆต่อพระองค์ นอกจากนี้บรรดาการขอความช่วยเหลือต่างๆ เราขอความช่วยเหลือต่อพระองค์เท่านั้น ความดีงามต่างๆที่เราต้องการอยู่ในมือของพระองค์เท่านั้น เราไม่ขอต่อสิ่งอื่นใดนอกจากพระองค์
  6. ขอพระองค์ทรงให้ทางนำที่ถูกต้องเที่ยงตรงแก่พวกเรา นั้นแนวทางอิสลาม และให้พวกเรามั่นคงอยู่บนแนวทางนั้นด้วย 
  7. แนวทางที่พระองค์ทรงประทานความโปรดปรานแก่พวกเขา เช่น บรรดาบรรดา บรรดาผู้เชื่อมั่นในความศรัทธา ศิดดีกีน บรรดาชะฮีด ศอลิหีน และคนที่ได้รับความดีงามจากพระองค์ ไม่ใช่แนวทางของผู้ที่พระองค์ทรงกริ้วโกรธพวกเขา พวกเขารู้ความจริงทุกอย่างแต่พวกเขาปฏิเสธ อย่างพวกคนยิว และไม่ใช่แนวทางของคนที่หลงทางจากแนวทางที่พระองค์ประทานให้แก่พวกเขาด้วยแนวทางที่ถูกต้องแต่พวกเขาไปแก้ไขและทำตามแนวทางที่พวกเขาต้องการ อย่างพวกนัศรอนีย์หรือชาวคริสต์ 
สรุปบทเรียนที่ได้จากอายาตเหล่านี้
  1. เริ่มต้นอัลกุรอานด้วยการอ่าน "บิสมิลลาฮิรฺเราะฮฺมานิรฺเราะหีม بسم الله الرحمن الرحيم" ดังนั้น ทุกการงาน การกระทำ การพูด ควรจะเริ่มต้นด้วยการกล่าวบิสมิลลาฮฺฯ เป็นการขอความช่วยเหลือจากพระองค์และความเห็นชอบของพระองค์
  2. การร้องขอควรเริ่มต้นด้วยสรรเสริญอัลลอฮฺจากนั้นจึงร้องขอในสิ่งที่ต้องการ
  3. ตักเตือนมุสลิมให้ห่างไกลจากการเบี่ยงเบนความจริงอย่างคนคริสต์และปฏิเสธความจริงอย่างคนยิว