นอกจากการสอนเรื่องมารยาทต่างๆ มีกล่าวในซูเราะฮฺลุกมานอย่างที่ได้ยกมาแล้วในตอนที่แล้ว(ตัวอย่างอัตตัรบียะฮฺ(การให้การศึกษา)ในอัลกุรอาน) ในซูเราะฮฺอื่นๆ อัลลอฮฺได้บัญญัติให้มุสลิมมีมารยาทในสังคมที่ดีงาม และในบางครั้งในเน้นในการให้สอนลูกหลาน เช่น ในอายะฮฺที่ 59 ซูเราะฮฺ อัน-นูร พระองค์ได้ตรัสว่า..
وَإِذَا بَلَغَ الْأَطْفَالُ مِنكُمُ الْحُلُمَ فَلْيَسْتَأْذِنُوا كَمَا اسْتَأْذَنَ الَّذِينَ مِن قَبْلِهِمْ
كَذَلِكَ يُبَيِّنُ اللَّهُ لَكُمْ آيَاتِهِ وَاللَّهُ عَلِيمٌ حَكِيمٌ (النور : 59)
ความว่า : และเมื่อเด็ก ๆ ในหมู่พวกเจ้าบรรลุศาสนภาวะ ก็จงให้พวกเขาขออนุญาตเช่นเดียวกับบรรดาชนก่อนหน้าพวกเขาได้ขออนุญาต เช่นนั้นแหละอัลลอฮ์ทรงชี้แจงโองการทั้งหลายของพระองค์ให้เป็นที่ชัดแจ้งแก่พวกเจ้า และอัลลอฮ์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ (อันนูร : 24/59)
คือ ในเวลาพักผ่อนอยู่กับครอบครัว และเมื่อถึงวัยอันควรแล้วเด็กจะเข้าไปหาบิดาหรือมารดาก็ควรขออนุญาต
นอกจากนี้อัลลอฮฺได้บรรยายถึงลักษณะของ อิบาดุรเราะห์มาน(บ่าวของผู้เมตตา) ซึ่งเป็นลักษณะที่ผู้ปกครองหรือครูบาอาจารย์ควรฝึกฝนและปลูกฝังให้มีอยู่ในตัวเด็ก โดยในซูเราะฮฺ อัล-ฟุรกอน อายะฮฺที่ 63-69 พระองค์ตรัสว่า
وَعِبَادُ الرَّحْمَٰنِ الَّذِينَ يَمْشُونَ عَلَى الْأَرْضِ هَوْنًا وَإِذَا خَاطَبَهُمُ الْجَاهِلُونَ قَالُوا سَلَامًا (63) وَالَّذِينَ يَبِيتُونَ لِرَبِّهِمْ سُجَّدًا وَقِيَامًا (64) وَالَّذِينَ يَقُولُونَ رَبَّنَا اصْرِفْ عَنَّا عَذَابَ جَهَنَّمَ ۖ إِنَّ عَذَابَهَا كَانَ غَرَامًا (65) إِنَّهَا سَاءَتْ مُسْتَقَرًّا وَمُقَامًا (66) وَالَّذِينَ إِذَا أَنْفَقُوا لَمْ يُسْرِفُوا وَلَمْ يَقْتُرُوا وَكَانَ بَيْنَ ذَٰلِكَ قَوَامًا (67) وَالَّذِينَ لَا يَدْعُونَ مَعَ اللَّهِ إِلَٰهًا آخَرَ وَلَا يَقْتُلُونَ النَّفْسَ الَّتِي حَرَّمَ اللَّهُ إِلَّا بِالْحَقِّ وَلَا يَزْنُونَ ۚ وَمَنْ يَفْعَلْ ذَٰلِكَ يَلْقَ أَثَامًا (68) يُضَاعَفْ لَهُ الْعَذَابُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ وَيَخْلُدْ فِيهِ مُهَانً (69)
ความว่า :
- (63) และปวงบ่าวของพระผู้ทรงกรุณาปราณีคือบรรดาผู้ที่เดินบนแผ่นดินด้วยความสงบเสงี่ยมและเมื่อพวกโง่เขลาว่ากล่าวพวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่า ศานติ(หรือสลาม)
- (64) และบรรดาผู้ใช้เวลากลางคืนทำการสุญูดและยืน(ละหมาด) เพื่อพระเจ้าของพวกเขา
- (65) และบรรดาผู้ที่กล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของเรา ขอพระองค์ทรงปัดเป่าการลงโทษของนรกให้พ้นไปจากเรา แท้จริงการลงโทษของมันนั้นมันคงอยู่ตลอดกาล
- (66)“แท้จริงมันเป็นที่อยู่และที่พำนักอันเลวร้ายยิ่ง”
- (67) และบรรดาผู้ที่เมื่อพวกเขาใช้จ่าย พวกเขาก็ไม่สุรุ่ยสุร่าย และไม่ตระหนี่ และระหว่างทั้งสองสภาพนั้น พวกเขาอยู่สายกลาง
- (68) และบรรดาผู้ที่ไม่วิงวอนขอพระเจ้าอื่นใดคู่เคียงกับอัลลอฮ์ และพวกเขาไม่ฆ่าชีวิตซึ่งอัลลอฮ์ทรงห้ามไว้ เว้นแต่เพื่อความยุติธรรม และพวกเขาไม่ผิดประเวณี และผู้ใดทำเช่นนั้นเขาจะได้พบกับความผิดอันมหันต์
- (69) การลงโทษในวันกิยามะฮ์จะถูกเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าสำหรับเขา และเขาจะอยู่ในนั้นอย่างอัปยศ
และอายะฮฺที่ 72-74 ว่า
وَالَّذِينَ لَا يَشْهَدُونَ الزُّورَ وَإِذَا مَرُّوا بِاللَّغْوِ مَرُّوا كِرَامًا (72) وَالَّذِينَ إِذَا ذُكِّرُوا بِآيَاتِ رَبِّهِمْ لَمْ يَخِرُّوا عَلَيْهَا صُمًّا وَعُمْيَانًا (73) وَالَّذِينَ يَقُولُونَ رَبَّنَا هَبْ لَنَا مِنْ أَزْوَاجِنَا وَذُرِّيَّاتِنَا قُرَّةَ أَعْيُنٍ وَاجْعَلْنَا لِلْمُتَّقِينَ إِمَامًا (74)
ความว่า :
- (72) และบรรดาผู้ไม่เป็นพยานในการเท็จ และเมื่อพวกเขาผ่านเรื่องไร้สาระ พวกเขาผ่านไปอย่างมีเกียรติ
- (73) และบรรดาผู้ที่เมื่อถูกกล่าวเตือนให้รำลึกถึงโองการทั้งหลายของพระเจ้าของพวกเขา พวกเขาจะไม่ผินหลังให้เป็นสภาพเช่นคนหูหนวกตาบอด
- (74) และบรรดาผู้ที่กล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้าของเรา ขอพระองค์โปรดประทานแก่เรา ซึ่งคู่ครองของเราและลูกหลานของเรา ให้เป็นที่รื่นรมย์แก่สายตาของเรา และทรงทำให้เราเป็นแบบอย่างแก่บรรดาผู้ยำเกรง”
อิบาดุรเราะฮฺมาน (บ่าวของผู้เมตตา)คือบุคคลที่อัลลอฮฺรัก และหวังมุสลิมที่หวังในการตอบแทนที่ดีในวันกิยามัตมีลักษณะดังที่ได้แจงในอายัตข้างบน ซึ่งพอที่จะสรุปได้ดังนี้
- เขาเป็นบุคคลที่เวลาเดินบนท้องถนน จะเดินในลักษณะถ่อมตัว เดินอย่างสงบเสงียบ ไม่โออ้วดหรือเย่อหยิงจองหอง
- เมื่อถูกกล่าวร้าย ถากถ่าง ยั่วยุ ด้วยคำพูดให้ร้ายต่างๆ เขาจะไม่โต้ตอบ แต่กล่าวว่า "ศานติ" หรือ "สลาม"(سلام)
- เป็นบุคคลที่ชอบละหมาดและสุญุดในเวลาค่ำคืน นั่นคือ ชอบตื่นละหมาดตะฮัจญุดในเวลาที่คนอื่นหลับสนิท
- เขาจะขอดุอาอย่างสม่ำเสมอให้ห่างไกลจากการถูกทรมานในนรก
- ทรัพย์สินที่ได้มาเขาจะใช้จ่ายอย่างระมัดระวัง ไม่ฟุ่มเฟือย และไม่ตระหนี่
- ไม่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ นั่นคือ เชื่อมันอย่างมั่นคงในความเป็นเอกะของพระองค์ ไม่พึ่งสิ่งใดนอกจากพระองค์
- ไม่ฆ่าผู้อื่น เว้นแต่ในแนวทางที่ทรงอนุญาติ เช่น กรณีเป็นผู้ปกครองที่ต้องประหารชีวิตบุคคลที่ฆ่าคนอื่น
- ไม่ผิดประเวณี ผิดลูกผิดเมียผู้อื่น
- เมื่อมีเสียงอัลกุรอาน เขาจะตั้งใจฟัง ไม่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เหมือนคนตาบอดหูหนวก
- ไม่เป็นพยานเท็จ
- ไม่ดูมโหรศพหรือกิจกรรมที่ไร้สาระอื่นๆ เมื่อเดินผ่านกิจกรรมเหล่านั้นเขาจะเดินผ่านอย่างผู้มีเกียรติ
- และจะดุอาจากอัลลอฮฺ ให้บุตรภรรยาเป็นบุคคลที่มีอิมาน อยู่กรอบศาสนา จนสามารถเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้ยำเกรง
นอกจากนี้อัลลอฮฺได้เล่าเรื่องราวของเยาวชนที่ได้ชื่อเป็นผู้มีเกียรติควรการสรรเสริญและนำเป็นแบบอย่าง ในการดำเนินชีวิต อย่างเช่น
- เยาวชนที่แสวงหาความยุติธรรม ยึดมั่นในศรัทธาที่มีต่อพระเจ้า จนกลายเป็นตำนานที่ไปนอนใหนถ้ำเป็นร้อยๆปี
نَحْنُ نَقُصُّ عَلَيْكَ نَبَأَهُم بِالْحَقِّ إِنَّهُمْ فِتْيَةٌ آمَنُوا بِرَبِّهِمْ وَزِدْنَاهُمْ هُدًى (سورة الكهب : 13)
ความว่า : เราจะเล่าเรื่องราวของพวกเขาแก่เจ้าตามความเป็นจริง แท้จริงพวกเขาเป็นชายหนุ่มที่ศรัทธาต่อพระเจ้าของพวกเขา และเราได้เพิ่มแนวทางที่ถูกต้องให้แก่พวกเขา (อัลกะฮฟิ : 18/13)
- ยูซุฟ ชายหนุ่มผู้มีรูปงาม แต่ยึดมั่นในความถูกต้อง ปฏิเสธการเสนอตัญหาจากหญิงผู้เลอโฉม
وَرَاوَدَتْهُ الَّتِي هُوَ فِي بَيْتِهَا عَن نَّفْسِهِ وَغَلَّقَتِ الأَبْوَابَ وَقَالَتْ هَيْتَ لَكَ قَالَ مَعَاذَ اللّهِ إِنَّهُ رَبِّي أَحْسَنَ مَثْوَايَ إِنَّهُ لاَ يُفْلِحُ الظَّالِمُونَ (23) وَلَقَدْ هَمَّتْ بِهِ وَهَمَّ بِهَا لَوْلا أَن رَّأَى بُرْهَانَ رَبِّهِ كَذَلِكَ لِنَصْرِفَ عَنْهُ السُّوءَ وَالْفَحْشَاء إِنَّهُ مِنْ عِبَادِنَا الْمُخْلَصِينَ (24) (سورة يوسف : 23-24)
ความว่า : (23)และนางได้ยั่วยวนเขาโดยที่เขาอยู่ในบ้านของนาง และนางได้ปิดประตูอย่างแน่นและกล่าวว่า”มานี่ซิ!“ เขากล่าวว่า “ฉันขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮ์ แท้จริงเขาเป็นนายของฉัน ให้ที่พักพิงที่ดียิ่งแก่ฉัน แท้จริงบรรดาผู้อธรรมจะไม่บรรลุความสำเร็จ” (24) และแท้จริง นางได้ตั้งใจมั่นในตัวเขาและเขาก็ตั้งใจในตัวนาง หากเขาไม่เห็นหลักฐานแห่งพระเจ้าของเขา เช่นนั้นแหละเพื่อเราจะให้ความชั่วและการลามห่างไกลจากเขา แท้จริงเขาคือคนหนึ่งในปวงบ่าวของเราที่สุจริต (ยูซุฟ : 12/23-24)
และอายะฮฺอื่นๆ อีกมากมาย ที่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการอบรมสั่งสอน ดูแล ปลูกฝัง สิ่งที่ดีงามแก่เด็กและเยาวชน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น