
ความหมายของคำว่า “ซูเราะฮฺ”
ความหมายของคำว่า “ซูเราะฮฺ:سورة” ได้มีความเห็นที่แตกต่างกันว่าคำนี้เดิมทีมาจากรากศัพท์ของคำใด? บางคนว่าคำนี้แปลว่า الابانة หมายถึง การให้ความกระจ่าง(บายาน:بيان) และบางคนให้ความหมายว่า الارتفاع แปลว่า สูงหรือความสูง นักกลอน(ชิอีรฺ)ที่ชื่อว่า นาบีเฆาะฮฺ ได้กล่าวในบทกลอนของเขาว่า
لَمْ تَرَ أنَّ اللَّهَ أعطاكَ سورَةً … تَرَى كُلَّ مَلْكٍ دُونها يَتَذَبْذَبُ
(เจ้าไม่เห็นหรอกหรือว่าอัลลอฮฺได้ให้ฐานะที่สูงแก่เจ้า ..
เจ้าเห็นกษัตริย์ทุกองค์ถ้าไม่มีสิ่งนี้ก็จะกระสับกระสาย)
เจ้าเห็นกษัตริย์ทุกองค์ถ้าไม่มีสิ่งนี้ก็จะกระสับกระสาย)
เปรียบได้กับคนที่อ่านอัลกุรอานจะเลื่อนฐานะของตัวเองจากที่หนึ่งสู่อีกที่หนึ่งที่สูงกว่า บางว่าเพื่อเป็นเกียรติและยกให้สูงเสมือนกำแพงเมือง
บางคนว่า “ซูเราะฮฺ” คือส่วนหนึ่งของอัลกุรอาน มาจากคำว่า “سؤرٌ”แปลว่า น้ำ(หรือนม)ที่เหลืออยู่ในภาชนะ ดังนั้นบางคนจึงว่าเดิมนั้นคำนี้มาจากคำ سؤرٌ (ซุอฺรุน)ที่แปลว่าน้ำที่เหลือจากการดื่ม ให้ฮัมซะอฺ(ء)อ่อนบางลง แล้วไปเปลี่ยนให้เป็น วาว(و)เพื่อสอดคล้องกับสระฎอมมะฮฺก่อนหน้านะ (จนเปลี่ยนจากซุอฺรุน سؤرٌ เป็นซูเราะฮฺ سورة)
บางคนว่า หมายถึง ความสมบูรณ์ เพราะคนอาหรับเรียกอูฐตัวเมียที่สมบูรณ์ว่า ซูเราะฮฺ(سورة)

ฉัน(อิบนุกะษีรฺ) ว่า เป็นไปได้ที่จะหมายถึงการรวบรวมและปิดกั้นอายะฮฺอัลกุรอานทั้งหมาดที่อยู่ข้างในซูเราะฮฺเดียวกัน อย่างที่เรียกว่ากำแพงที่ปิดกั้นเมืองที่ภายในเมืองนั้นที่ประกอบด้วยบ้านเรือนและขั้นต่างๆว่า ซุวะรุน(سور)
คำพหูพจน์ของคำว่า سورة คือ سوَر (ซุวะรฺ) มีบางคนใช้พหูพจน์เป็น سورات (ซูรอต) และ سوَرات (ซุวะรอต)
คำพหูพจน์ของคำว่า سورة คือ سوَر (ซุวะรฺ) มีบางคนใช้พหูพจน์เป็น سورات (ซูรอต) และ سوَرات (ซุวะรอต)
ส่วนอายะฮฺ(الآية)ในอัลกุรอาน คือ สัญลักษณ์แสดงถึงการตัดคำพูดก่อนหน้านั้นจากคำพูดที่มาที่หลัง ทำให้ทั้งสองแยกออกจากกัน หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่ามันเป็นจุดที่แยกออกจากอายะฮฺ 2 อายะฮฺ อัลลอฮฺได้ตรัสว่า ﴾إِنَّ ءَايَةَ مُلۡكِهِۦٓ﴿ [แท้จริงสัญญาณแห่งอำนาจของเขานั้น](อัลบะเกาะเราะฮฺ 2:248)
นักกลอน อันนาบิเฆาะฮฺ ได้กล่าวว่า
นักกลอนได้กล่าวว่า
นักกลอน อันนาบิเฆาะฮฺ ได้กล่าวว่า
تَوَهَّمْتُ آيَاتٍ لَهَا فَعَرَفْتُهَا … لِسِتَّةِ أَعْوَامٍ وَذَا الْعَامُ سَابِعُ
(ฉันคิดว่าสัญญานของเขา ทำให้ฉันรู้จักเขา … หกปีมาแล้ว และนี้เป็นปีที่เจ็ด)
บ้างก็ว่า อายะ/อายาต นี้แปลว่า กลุ่มคำในอัลกุรอาน อย่างคำของคนอาหรับที่กล่าวว่า خرج القوم بآياتهم(พรรคพวกได้ไปพร้อมกับอายาตของพวกเขา) หมายถึง พร้อมกับกลุ่มพวก(ญะมาอะฮฺ)ของพวกเขานักกลอนได้กล่าวว่า
خَرَجْنَا مِنَ النَّقْبَيْنِ لَا حَيَّ مِثْلُنَا …بِآيَتِنَا نُزْجِي اللِّقَاحَ الْمَطَافِلَا
(เราได้ออกจาก อันนักไบน์ ไม่มีชุมชนใดเสมือนเรา …
ด้วยกลุ่มคน(ญะมาอะฮฺ)ของพวกเรา เราได้ขยายลูกเล็กเด็กแดง)
ด้วยกลุ่มคน(ญะมาอะฮฺ)ของพวกเรา เราได้ขยายลูกเล็กเด็กแดง)
และมีบางคนกล่าวว่า ที่ให้ชื่อว่า อายะฮฺ เพราะอายะฮฺอัลกุรอานนี้เป็นคำพูดที่มหัศจรรย์ ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถที่จะกล่าวเหมือนอย่างอายะฮฺอัลกุรอานได้
ซีบาไวฮฺ ได้กล่าวว่า آيَة (อายะฮฺ) มาจากคำว่า أَيَيَة (อะยะยะฮฺ) ในรูปของ أَكَمَة (อะกะมะฮฺ) และคำว่า شَجَرَة (ชะญะเราะฮฺ) เนื่องจากสระอะ(ฟัตหะฮ) อยู่หน้า ي (ยาอฺ)สองตัว จึงเปลี่ยนตัวหนึ่งเป็น หัมเซาะฮฺ จึงทำให้อ่านว่า อายะฮฺ(آيَة) อ่าน อาา ยาวขึ้น
อัลกะซาอีย์ กล่าวว่า آيَة มาจากคำว่า آيِيَة (อายียะฮฺ) ในรูปแบบของคำ آمِنَة (อามินะฮฺ) แล้วเปลี่ยน ي เป็น ا จากนั้นก็ตัด ا ออกตัวหนึ่งเพราะเหมือนกัน
ซีบาไวฮฺ ได้กล่าวว่า آيَة (อายะฮฺ) มาจากคำว่า أَيَيَة (อะยะยะฮฺ) ในรูปของ أَكَمَة (อะกะมะฮฺ) และคำว่า شَجَرَة (ชะญะเราะฮฺ) เนื่องจากสระอะ(ฟัตหะฮ) อยู่หน้า ي (ยาอฺ)สองตัว จึงเปลี่ยนตัวหนึ่งเป็น หัมเซาะฮฺ จึงทำให้อ่านว่า อายะฮฺ(آيَة) อ่าน อาา ยาวขึ้น
อัลกะซาอีย์ กล่าวว่า آيَة มาจากคำว่า آيِيَة (อายียะฮฺ) ในรูปแบบของคำ آمِنَة (อามินะฮฺ) แล้วเปลี่ยน ي เป็น ا จากนั้นก็ตัด ا ออกตัวหนึ่งเพราะเหมือนกัน
อิมาม อัลฟัรรออฺ ได้กล่าวว่า อายะฮฺ มาจากคว่า อัยยะฮฺ(أَيَّة) แล้วเปลี่ยน ยาอฺ ตัวที่สองเป็น อะลิฟ แต่ไม่รับการซ้ำเลยเปลี่ยนเป็น อายะฮฺ(آيَة)
คำพหูพจน์ของคำว่า อายะฮฺ คือ อายุน(آيٌ) อายายุน(آيَايٌ) และ อายาตุนหรืออายาต(آيَاتٌ)
كَلِمَةٌ (กะลิมาะฮฺ) ‘คำ’ หมายถึง คำที่ออกเสียงหนึ่งคำ บางครั้งจะมาในรูปสองตัวอักษร เช่น مَا , لا, لَهُ, لَكَ และบางครั้งจะมาให้รูปที่มีมากกว่าสองตัวอักษร และคำที่ประกอบด้วยตัวอักษรมากที่สุดคือมี 10 ตัวอักร ดังคำตรัสในอัลกุรอานที่ว่า
﴾لَيَسۡتَخۡلِفَنَّهُمۡ﴿ [แน่นอนพระองค์จะทรงให้พวกเขาเป็นตัวแทนสืบทอดอำนาจ] (อันนูร 24:55)
﴾أَنُلۡزِمُكُمُوهَا﴿ [เราจะบังคับพวกท่านให้รับมันทั้งสอง](ฮูด 11:28)
﴾فَأَسۡقَيۡنَٰكُمُوهُ﴿ [แล้วเราได้ให้พวกเจ้าดื่มมัน](อัลหิจรฺ 15:22)
บางครั้งคำหนึ่งคำเป็นหนึ่งอายะฮฺ เช่น وَالْفَجْرِ (อัลฟัจรฺ 89:1), وَالضُّحَىٰ (อัฎฎุหา 93:1), وَالْعَصْرِ (อัลอัศรฺ 103:1) เช่นกัน الم, طه, يس, حم ตามทัศนะของชาวกูฟะฮฺนับเป็นหนึ่งคำเหมือนกัน และ حم ، عسق (อัชชูรอ 42:12) พวกเขาถือเป็น 2 คำ แต่บางคนเห็นว่า คำเหล่านี้ไม่ใช่อายะฮฺ แต่เป็นกุญแจเปิดซูเราะฮฺ
อะบูอัมรู อัดดานีย์ ได้กล่าวว่า “ฉันไม่รู้ว่าในหนึ่งคำจะมีสองอายะฮฺ เว้นแต่คำว่า ﴾مُدۡهَآمَّتَانِ﴿ [(สวนสวรรค์) ทั้งสองนั้น เขียวชอุ่ม] ในซูเราะฮฺอัรฺเราะฮฺมาน (อัรฺเราะฮฺมาน 55:64)
อิมาม อัลกุรฏุบีย์ ได้กล่าวว่า : บรรดานักอรรถาธิบายอัลกุรอาน(ตัฟซีรฺ) ได้มีความเห็นรวมกันว่า ในอัลกุรอานไม่มีคำใดเลยที่เป็นคำที่มาจากภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอาหรับ และพวกเขารวมกันเห็นว่าในอัลกุรอานที่ชื่อที่เป็นภาษาอื่นไม่ใช่ภาษาอาหรับรวมอยู่ด้วย เช่น อิบรอฮีม นูหฺ และลูฏ เป็นต้น แต่อัลบาเกาะลานีและอัฏเฎาะบะรีย์ ไม่เห็นด้วยกับความเห็นนี้ เขาเห็นว่าคำใดที่ไปสอดคล้องกับภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอาหรับก็ถือว่าคำนั้นเป็นคำอาหรับที่ไปเหมือนกับภาษาอื่น
คำพหูพจน์ของคำว่า อายะฮฺ คือ อายุน(آيٌ) อายายุน(آيَايٌ) และ อายาตุนหรืออายาต(آيَاتٌ)
كَلِمَةٌ (กะลิมาะฮฺ) ‘คำ’ หมายถึง คำที่ออกเสียงหนึ่งคำ บางครั้งจะมาในรูปสองตัวอักษร เช่น مَا , لا, لَهُ, لَكَ และบางครั้งจะมาให้รูปที่มีมากกว่าสองตัวอักษร และคำที่ประกอบด้วยตัวอักษรมากที่สุดคือมี 10 ตัวอักร ดังคำตรัสในอัลกุรอานที่ว่า
﴾لَيَسۡتَخۡلِفَنَّهُمۡ﴿ [แน่นอนพระองค์จะทรงให้พวกเขาเป็นตัวแทนสืบทอดอำนาจ] (อันนูร 24:55)
﴾أَنُلۡزِمُكُمُوهَا﴿ [เราจะบังคับพวกท่านให้รับมันทั้งสอง](ฮูด 11:28)
﴾فَأَسۡقَيۡنَٰكُمُوهُ﴿ [แล้วเราได้ให้พวกเจ้าดื่มมัน](อัลหิจรฺ 15:22)
บางครั้งคำหนึ่งคำเป็นหนึ่งอายะฮฺ เช่น وَالْفَجْرِ (อัลฟัจรฺ 89:1), وَالضُّحَىٰ (อัฎฎุหา 93:1), وَالْعَصْرِ (อัลอัศรฺ 103:1) เช่นกัน الم, طه, يس, حم ตามทัศนะของชาวกูฟะฮฺนับเป็นหนึ่งคำเหมือนกัน และ حم ، عسق (อัชชูรอ 42:12) พวกเขาถือเป็น 2 คำ แต่บางคนเห็นว่า คำเหล่านี้ไม่ใช่อายะฮฺ แต่เป็นกุญแจเปิดซูเราะฮฺ
อะบูอัมรู อัดดานีย์ ได้กล่าวว่า “ฉันไม่รู้ว่าในหนึ่งคำจะมีสองอายะฮฺ เว้นแต่คำว่า ﴾مُدۡهَآمَّتَانِ﴿ [(สวนสวรรค์) ทั้งสองนั้น เขียวชอุ่ม] ในซูเราะฮฺอัรฺเราะฮฺมาน (อัรฺเราะฮฺมาน 55:64)
อิมาม อัลกุรฏุบีย์ ได้กล่าวว่า : บรรดานักอรรถาธิบายอัลกุรอาน(ตัฟซีรฺ) ได้มีความเห็นรวมกันว่า ในอัลกุรอานไม่มีคำใดเลยที่เป็นคำที่มาจากภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอาหรับ และพวกเขารวมกันเห็นว่าในอัลกุรอานที่ชื่อที่เป็นภาษาอื่นไม่ใช่ภาษาอาหรับรวมอยู่ด้วย เช่น อิบรอฮีม นูหฺ และลูฏ เป็นต้น แต่อัลบาเกาะลานีและอัฏเฎาะบะรีย์ ไม่เห็นด้วยกับความเห็นนี้ เขาเห็นว่าคำใดที่ไปสอดคล้องกับภาษาอื่นที่ไม่ใช่ภาษาอาหรับก็ถือว่าคำนั้นเป็นคำอาหรับที่ไปเหมือนกับภาษาอื่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น