วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2565

ตัฟซีรฺอิบนุกะษีรฺ : 12. ซูเราะฮฺยูซุฟ (1-3)


(12) ซูเราะฮฺยูซุฟ

ทั้งหมด 111 อายะฮฺ ประทาน ณ มักกะฮฺ(มักกียะฮฺ)
เว้นแต่ อายะฮฺที่ 1, 2,3,7 ประทาน ณ มะดีนะฮฺ ถูกประทานหลังจากซูเราะฮฺฮูด

بِسْمِ اللَّهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيمِ

الر ۚ تِلْكَ آيَاتُ الْكِتَابِ الْمُبِينِ  (١) إِنَّا أَنزَلْنَاهُ قُرْآنًا عَرَبِيًّا لَّعَلَّكُمْ تَعْقِلُونَ (٢) نَحْنُ نَقُصُّ عَلَيْكَ أَحْسَنَ الْقَصَصِ بِمَا أَوْحَيْنَا إِلَيْكَ هَٰذَا الْقُرْآنَ وَإِن كُنتَ مِن قَبْلِهِ لَمِنَ الْغَافِلِينََ (٣)

(ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตาปราณีเสมอ)

(( 1 ) อะลิฟ ลาม รออฺ เหล่านี้คือโองการทั้งหลายแห่งคัมภีร์ที่ชัดแจ้ง
( 2 ) แท้จริงพวกเราได้ให้อัลกุรอานแก่เขาเป็นภาษาอาหรับ เพื่อพวกเจ้าจะใช้ปัญญาคิด
( 3 ) เราจะเล่าเรื่องราวที่ดียิ่งแก่เจ้า ตามที่เราได้วะฮีอัลกุรอานนี้แก่เจ้า และหากว่าก่อนหน้านี้เจ้าอยู่ในหมู่ผู้ไม่รู้เรื่องราว)

    الر (อะลีฟ ลาม รออฺ
            อักษรย่อลักษณะนี้ได้อธิบายมาแล้วในตอนต้นของซูเราะฮฺ อัลบะเกราะเราะฮฺ
    تِلْكَ آيَاتُ الْكِتَابِ الْمُبِينِ  (เหล่านี้คือโองการทั้งหลายแห่งคัมภีร์ที่ชัดแจ้ง)
            โองการหรืออายาตอัลกุรอานเหล่านี้ชัดแจ้ ให้ความกระจ่างในทุกสิ่งที่เคลือบแคลง อธิบายและชี้แนะให้เข้าใจ

    إِنَّا أَنزَلْنَاهُ قُرْآنًا عَرَبِيًّا لَّعَلَّكُمْ تَعْقِلُونَ (แท้จริงพวกเราได้ให้อัลกุรอานแก่เขาเป็นภาษาอาหรับ เพื่อพวกเจ้าจะใช้ปัญญาคิด)
            อัลกุรอานนี้ได้ประทานลงมาในภาษาอาหรับ เพราะภาษาอาหรับเป็นภาษาที่ชัดเจนที่สุด ให้ความกระจ่างที่สุดและกว้างที่สุด และให้ความหมายที่สอดคล้องกับสิ่งที่อยู่ในจิต จึงเป็นคัมภีร์มีเกียรติที่สุดที่ลงมาด้วยภาษาที่มีเกียรติที่สุด ลงมายังศาสนทูตที่มีเกียรติที่สุด(มุฮำมัด -ศ็อลฯ) ผ่านมะลาอิกะฮฺที่มีเกีรติที่สุด(ญิบรีล) บนพื้นแผ่นดินที่มีเกียรติที่สุด(มักกะฮและมะดีนะฮ) และประทานลงมาในเดือนมีเกียรติที่สุดของปี คือ เดือนรอมฎอน


        ด้วยนี้อัลกุรอานจึงนับว่าเป็นคัมภีรฺที่สมบูรณ์ในทุกด้าน และอัลลอฮฺตรัสว่า
نَحْنُ نَقُصُّ عَلَيْكَ أَحْسَنَ الْقَصَصِ بِمَا أَوْحَيْنَا إِلَيْكَ هَٰذَا الْقُرْآنَ
( เราจะเล่าเรื่องราวที่ดียิ่งแก่เจ้า ตามที่เราได้วะฮีอัลกุรอานนี้แก่เจ้า )
      มีรายงานเกี่ยวกับสาเหตุของการประทานอายะฮฺนี้ว่า อิบนุญะรีรฺ ได้รายงานว่า อิบนุอับบาซฺได้กล่าวว่า
        “บรรดาเศาะหาบะฮฺได้กล่าวแก่ท่านเราะซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ)ว่า : โอ้ เราะซูลุลลอฮฺ ท่านไม่เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้แก่พวกเราหรือ? แล้ว อายะฮฺ  نَحْنُ نَقُصُّ عَلَيْكَ أَحْسَنَ الْقَصَص (เราจะเล่าเรื่องราวที่ดียิ่งแก่เจ้า) ก็ถูกประทานลงมา
        เมื่อกล่าวถึงการการสรรเสริญของอัลกุรอานในอายะฮฺที่ทรงเกียรตินี้ ซึ่งนับว่าเป็นคัมภีร์ที่ไม่มีคัมภีร์ใดเสมอเหมือน อิมามอะหฺมัด ได้บันทึกไว้ว่า ญาบิรฺ อิบนุอับดุลลอฮฺ ได้รายงานว่า

أَنَّ عُمَرَ بْنَ الْخَطَّابِ أَتَى النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ بِكِتَابٍ أَصَابَهُ مِنْ بَعْضِ أَهْلِ الْكُتُبِ فَقَرَأَه عَلَى النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قال فَغَضِبَ فَقَالَ أَمُتَهَوِّكُونَ فِيهَا يَا ابْنَ الْخَطَّابِ وَالَّذِي نَفْسِي بِيَدِهِ لَقَدْ جِئْتُكُمْ بِهَا بَيْضَاءَ نَقِيَّةً لَا تَسْأَلُوهُمْ عَنْ شَيْءٍ فَيُخْبِرُوكُمْ بِحَقٍّ فَتُكَذِّبُوا بِهِ أَوْ بِبَاطِلٍ فَتُصَدِّقُوا بِهِ وَالَّذِي نَفْسِي بِيَدِهِ لَوْ أَنَّ مُوسَى صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ كَانَ حَيًّا مَا وَسِعَهُ إِلَّا أَنْ يَتَّبِعَنِي

(อุมัรฺ อิบนุ อัลค็อฏฏอบ ได้ไปหาท่านนบี(ศ็อลฯ) พร้อมกับหนังสือเล่มหนึ่งที่ชาวคัมภีร์บางคนได้ให้แก่เขา แล้วได้อ่านให้ท่านนบี(ศ็อลฯ)ฟัง แล้วเขากล่าวว่า : ท่านนบีโกรธและกล่าวว่า “เจ้าไม่รู้สึกเลยหรือว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้เจ้าโง่เขล่าหรอกหรือ? โอ้ อิบนุอัลค็อฏฏอบ ฉันขอสาบานกับชีวิตของฉันอยู่ในมือของพระองค์ ฉันมาหาพวกเจ้าด้วยสิ่งที่ขาวบริสุทธิ์ เจ้าอย่าไปถามพวกเขาสิ่งใดเลย เมื่อเพราะพวกเขาจะบอกความจริงแก่พวกเจ้าก็ไม่เชื่อพวกเขา หรือถ้าเขาบอกสิ่งไม่เป็นความจริงพวกเจ้าก็เชื่อเขา ฉันขอสาบานกับผู้ซึ่งชีวิตฉันอยู่ในมือของพระองค์ ถ้านบีมูซา(อะลัยฮิซซลาม)ยังมีชีวิตอยู่ ไม่มีทางเลือกอื่นใดสำหรับเขาแล้วนอกจากตามฉัน)

        อิมาม อะหฺมัด ได้บันทึกไว้ว่า อับดุลลอฮฺ อิบนุษาบิท ได้รายงานว่า : อุมัรฺ อิบนุค็อฏฏ็อบ ได้ไปหาท่านเราะซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) แล้วกล่าวกับเราะซูลุลลอฮฺว่า

يَا رَسُولَ اللَّهِ إِنِّي مَرَرْتُ بِأَخٍ لِي مِنْ بَنِي قُرَيْظَةَ فَكَتَبَ لِي جَوَامِعَ مِنْ التَّوْرَاةِ أَلَا أَعْرِضُهَا عَلَيْكَ قَالَ فَتَغَيَّرَ وَجْهُ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ قَالَ عَبْدُ اللَّهِ فَقُلْتُ لَهُ أَلَا تَرَى مَا بِوَجْهِ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَقَالَ عُمَرُ رَضِينَا بِاللَّهِ رَبًّا وَبِالْإِسْلَامِ دِينًا وَبِمُحَمَّدٍ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ رَسُولًا قَالَ فَسُرِّيَ عَنْ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ثُمَّ قَالَ وَالَّذِي نَفْسِي بِيَدِهِ لَوْ أَصْبَحَ فِيكُمْ مُوسَى ثُمَّ اتَّبَعْتُمُوهُ وَتَرَكْتُمُونِي لَضَلَلْتُمْ إِنَّكُمْ حَظِّي مِنْ الْأُمَمِ وَأَنَا حَظُّكُمْ مِنْ النَّبِيِّينَ

( “โอ็ เราะซูลุลลอฮฺ ฉันได้เยี่ยมญาติของฉันเป็นชาวยิวบะนีกุร็อยเซาะฮฺ เขาได้เขียนบางอย่างในคัมภีร์เตาเราะฮฺให้แก่ฉัน เพื่อให้ฉันให้ท่านดูไหม?” ใบหน้าของท่านเราะซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ)เปลี่ยนไป อับดุลลอฮฺก็ได้กล่าวว่า “ฉันบอกแก่อุมัรฺว่า ท่านไม่ดูสีหน้าของท่านเราะซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ)หรือ?” อุมัรฺ กล่าวว่า “เราพอใจที่อัลลอฮฺเป็นผู้อภิบาลของเรา อิสลามเป็นศาสนาของเรา และมุหัมมัด(ศ็อลฯ)เป็นเราะซูล” ความโกรธของนบี(ศ็อลฯ)ก็ได้บรรเทาลง และท่านกล่าวว่า “ฉันขอสาบานด้วยชีวิตมุหัมมัดอยู่ในมือของพระองค์ ถ้านบีมูซาอยู่กับพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าตามนบีมูซาและทิ้งฉัน แน่นอนพวกเจ้าได้หลงผิดไปแล้ว พวกเจ้าเป็นวาสนาของฉันในบรรดาประชาชาติ และฉันเป็นวาสนาของพวกเจ้าในบรรดานบี)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น