วันจันทร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2565

จิตวิทยา : มุสลิมจำเป็นต้องเรียนจิตวิทยาไหม

 



        มุสลิมจำเป็นต้องเรียนจิตวิทยาไหม

        คำถามนี้เป็นคำถามที่ผมเคยถูกถามมานานแล้ว เลยทำให้ระยะหลังในช่วงแรกๆของการเรียนการสอนวิชาจิตวิทยากับนักศึกษาที่มหาวิทยาลัยอิสลามยะลา(มหาวิทยาลัยฟาฏอนี) ผมจะถามนำนักศึกษาด้วยคำถามนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะไม่ค่อยได้รับคำตอบเท่าไร เห็นหลายคนกระสับกระส่ายที่จะตอบแต่ไม่ตอบ คิดว่าพวกเขากลัว กลัวว่าเมื่อตอบไปแล้วจะเป็นคำตอบที่ผิด บางคนอาจกลัวว่าถ้าเขาตอบผิดไปแล้วเขาอาจจะถูกมองไปว่า เขาเข้าใจอิสลามแบบผิดๆ ซึ่งความจริงแล้วจะตอบจำเป็นก็ถูกหรือผิดก็ขึ้นอยู่กับเหตุผลและคำอธิบายที่เข้าใจเช่นนั้น

        อัลลอฮฺได้ตรัสในอัลกุรอาน ว่า

الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ وَأَتْمَمْتُ عَلَيْكُمْ نِعْمَتِي وَرَضِيتُ لَكُمُ الإِسْلاَمَ دِيناً

        ความว่า “วันนี้ฉัน(อัลลอฮฺ)ได้ทำให้ศาสนาของพวกเจ้าเสร็จสิ้นสมบูรณ์แก่พวกเจ้า และฉันได้ประทานความเมตตาของฉันแก่พวกเจ้าอย่างครบถ้วน และฉันยินยอมอิสลามเป็นศาสนาแก่พวกเจ้า(อัลมาอิดะห์ 5:/3)

        อัลกุรอานอายะฮฺนี้ ท่านนบี(ศ็อลฯ)ได้อ่านให้แก่บรรดามุสลิมฟังเมื่อครั้งที่ท่านทำฮัจญ์ครั้งแรกและสุดท้าย เป็นการประกาศแก่ชาวโลกทุกคนรู้ว่า “ศาสนา” ที่อัลลอฮฺประทานมาผ่านท่านนั้น ได้ครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว  ไม่จำเป็นต้องหาศาสนาอื่นมีเสริมแต่งหรือแต่งเติมอะไรอีกแล้ว

        ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจคำว่า “ศาสนา” ที่กล่าวในที่นี้ก่อน ในอายัตนี้ที่ผมแปลว่า “ศาสนา” นั้นผมแปลจากคำว่า “الدين : อัดดีน” ซึ่งแปลเป็นไทย(ตามที่เคยแปลมา)ว่า “ศาสนา” การตีความหมายศาสนาตรงนี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องไปเทียบกับคำศาสนาที่ได้บันทึกเขียนและแปลความหมายในพจนานุกรม แต่ต้องไปตีความตามที่บรรดาอุลามาอฺ(ผู้รู้ศาสนาอิสลาม)ได้ให้ความหมายไว้ และถ้าผมจะเขียนความเห็นของบรรดาอุลามาอฺเกี่ยวกับความหมายของคำนี้ จะเป็นการยาวเกินไป จึงขอสรุปสั้นๆ และให้ความหมายที่เข้าใจง่าย คือ อัดดีน หรือที่แปลว่าศาสนาในที่นี้ หมายถึงวิถีชีวิต ไม่ใช่เฉพาะเจาะจงวิธีกราบไหว้บูชา แต่เป็นวิธีการดำรงชีวิตบนโลกนี้ตั้งแต่เกิดจนตาย    

        ดังนั้น เมื่อศาสนาสมบูรณ์ก็หมายถึงวิธีชีวิตที่สมบูรณ์ และทำให้เข้าใจอีกว่า เมื่อเราเรียนศาสนาแล้วก็ไม่จำเป็นที่จะต้องเรียนสิ่งอื่นๆ อีก ยกเว้นวิชาชีพเฉพาะทาง

        นักการวิชาการบางคนที่ไม่เห็นด้วยกับวิชาจิตวิทยา ให้ความเห็นว่า มุสลิมเรามีความรู้ที่ล้นเหลือกว่าความรู้จิตวิทยา แน่นอนคนที่มีความเห็นเป็นเช่นนี้ไม่ใช่คนที่ศึกษาจิตวิทยาอย่างจริงจัง ความรู้ที่เขามีอยู่ที่ได้รับสืบทอดกันมาเป็นวัฒนธรรมมาตั้งแต่อดีตกาลนั้นไม่อำนวยให้ศึกษาวิชาอื่นที่นอกเหนือได้ระบุไว้ในตำราที่พวกเขาเรียนให้เขาได้ศึกษาเรียนรู้ พวกเขารู้สึกว่าความรู้ของพวกเขานั้นครอบคลุมเนื้อหาจิตวิทยาอยู่แล้ว และทางทฤษฎีทางตะวันตกที่พวกนักจิตวิทยาได้หยิบยกมาอ้างนั้น บางครั้งเวลานำไปปฏิบัติใช้กลับให้ผลทางลบ ถึงกระนั้นก็ตามก็มีนักวิชาการมุสลิมบางคนได้ให้คำอธิบายในสิ่งที่พวกบรรดาผู้ปฏิเสธเหล่านั้นกล่าวหาในวิชาจิตวิทยา

        ดร.ฟุอาด อะบูฮะฏิบ ได้นำเสนอเมื่อสัมมนาเรื่องอิสลามกับจิตวิทยาที่จัดขึ้นที่นครไดโร เมื่อปี ค.ศ. 1989 ว่า

        ความเป็นวิทยาศาสตร์ของวิชาจิตวิทยา พบว่าระดับขั้นความน่าเชื่อถือและความตรงไปตรงมาที่สามารถพิสูจน์ได้อย่างวิชาวิทยาศาสตร์นั้นมีน้อยมาก และก็พบว่าทุกวันนี้ในเรื่องจิตวิทยานี้ไม่มีนักจิตทยาท่านไหนที่พูดเรื่องจิตอย่างชี้เป็นชี้ตาย(ปรนัย)ได้

        จิตวิทยาทั้งอดีตและปัจจุบันวางอยู่บนพื้นฐานการเปรียบเทียบมนุษย์กับสัตว์ หลายทฤษฎียังยึดหลักแนววิวัฒนาการของชารล์ ดาร์วิน เช่น มีการทดลองกับสัตว์แล้วไปเปรียบเทียบกับมนุษย์

        บางคนยังยึดติดกับจิตวิทยากับจิตวิทยาจิตวิเคราะห์ โดยเฉพาะจิตวิเคราะห์ของซิกมอนต์ ฟรอยด์ ซึ่งในความเป็นจริงนั้น จิตวิทยาไม่ใช่ฟรอยด์และฟรอยด์ไม่ใช่จิตวิทยา

        จิตวิทยาจะถูกกล่าวหาว่าจะเน้นที่พฤติกรรมไม่ปกติ แต่โดยหลักการแล้วการศึกษาจิตวิทยาปัจจุบันจะศึกษาทั้งที่เป็นการศึกษาพฤติกรรมไม่ปกติ(จิตอปกติ)และพฤติกรรมปกติ(سويّ)

        จิตวิทยาไปใช้ไม่ถูกที่ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของวิชาจิตวิทยาแต่ความผิดของผู้ใช้ และไม่เฉพาะวิชาจิตวิทยาเท่านั้นที่มีคนนำไปใช้ไม่ถูกหรือไม่เหมาะสม วิชาอื่นๆก็มีลักษณะเช่นนี้เช่นกัน

        จิตวิทยาปัจจุบันถูกกล่าวหาว่าเป็นจิตวิทยาของคนขาว เรื่องนี้ก็เช่นกันไม่ใช่ความผิดของจิตวิทยา แต่ด้วยความก้าวหน้าและการพัฒนาทางด้านจิตวิทยาจะเริ่มต้นและแพร่หลายทางยุโรป ส่วนทางตะวันออกกลาง เอเชียหรือแอฟรีกา ไม่ค่อยมีคนศึกษาด้านนี้มากพอ และยังขาดความให้ความสำคัญแก่วิชานี้

        และอัลลอฮฺได้ตรัสไว้ว่า

وَفِي أَنفُسِكُمْ أَفَلَا تُبْصِرُونَ

        ความว่า “และในตัวเจ้าพวกเจ้าไม่ไตรตรองกระนั้นหรือ(อัซซาริยาต 51/21)

        คำว่า "تبصرون" ที่ผมแปลว่า “ไตรตรอง”ในที่นี้ หมายถึง ศึกษาความเป็นมา สภาพปัจจุบัน และสิ่งที่น่าจะไปในอนาคต ในอายัตนี้อัลลอฮให้เราที่เป็นมุสลิมศึกษาตัวเราทั้งภายนอกและภายใน เพื่อให้เราเกิดความศรัทธามั่นในความทรงยิ่งใหญ่ของพระองค์ ศึกษาความเป็นอยู่ในปัจจุบัน การทำงานของร่างกายเราซึ่งรวมถึงพฤติกรรมด้วย และศึกษากฎเกรฑ์ต่างที่เกิดกับร่างกายเราเพื่อที่จะประเมินหรือพยากรณ์ได้ว่าในวินาทีต่อไปนี้จะเกิดอะไรขึ้น นักการศึกษาบางคนจึงใช้อายัตนี้เป็นหลักฐานให้ศึกษาจิตวิทยา



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น