วันพุธที่ 16 มีนาคม พ.ศ. 2565

การศึกษาและจิตวิทยาในสูเราะฮฺยูซุฟ (2) สร้างแรงจูงใจ

 



بِسْمِ اللَّهِ الرَّحْمَٰنِ الرَّحِيمِ

 الر ۚ تِلْكَ آيَاتُ الْكِتَابِ الْمُبِينِ (1)

إِنَّا أَنْزَلْنَاهُ قُرْآنًا عَرَبِيًّا لَعَلَّكُمْ تَعْقِلُونَ (2)

(ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงปรานี

[1] อะลีฟ ลาม รออฺ เหล่านี้คือโองการทั้งหลายแห่งคัมภีร์ที่ชัดแจ้ง

[2] แท้จริงพวกเราได้ให้อัลกุรอานแก่เขาเป็นภาษาอาหรับ หวังว่าพวกเจ้าจะใช้ปัญญาคิด)

        ยูซุฟเป็นใครมากจากไหนผมได้พูดคุยกันแล้วในบันทึกก่อน และมีความสำคัญมากขนาบท(หรือซูเราะฮฺ)หนึ่งในอัลกุรอานได้ตั้งให้เป็นชื่อท่าน เรื่องราวในบทนี้จะกล่าวถึงท่าน ความหมายต่าง ๆ ของแต่ละอายะอฺหรือโองการในบทนี้บรรดาอุลามาอฺ(ผู้รอบรู้ในอิสลาม)ได้บรรยายไว้มากมาย ผมก็ได้ศึกษามาบ้างบวกกับความรู้ทางการศึกษาและจิตวิทยาที่ได้ศึกษามา จึงขอพูดในมิติที่เป็นทางการศึกษาและจิตวิทยา

        อายะฮฺหรือโองการแรกในบทหรือซูเราะฮฺนี้ พระผู้เป็นเจ้าอัลลอฮฺจะกล่าวว่า ..

        الر อะลิฟ ลาม รออฺ

            เป็นตัวอักษรในภาษาอาหรับ 3 ตัว มาเชื่อมต่อกัน เวลาอ่านก็จะอ่านที่ละตัวโดยไม่ได้อ่านให้เชื่อมต่อกันหรืออาจกล่าวได้ว่ามันเป็นอักษรย่อกลุ่มหนึ่ง ความหมายของอักษรย่อนี้ ไม่มีผู้ใดสามารถบอกเจาะจงได้ว่ามันคืออะไร และแปลว่าอยางไร เพราะท่านนบี(ศ็อลฯ)ศาสนฑูตของผู้ตรัสเองก็ไม่ได้บอกความหมายของอักษรย่อกลุ่มนี้ แม้ว่าระยะหลังจะมีบรรดาผู้รู้หลายคนให้ความหมายที่แตกต่างกัน เช่น อะลิฟ นั้นมาจากคำว่า อัลลอฮฺ ลาม มาจากคำว่า ละตีฟ(ที่อ่อนโยน) และรออฺ มาจากคำว่า อัรรอฮฺมาน(ผู้เมตตา) แต่นั้นก็เป็นการให้ความหมายของคนๆหนึ่งหรือคนกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ไม่มีใครรับรองเลยว่ามันถูกต้องแท้จริง

            ผู้รู้บางท่านบอกว่า นี้เป็นมหัศจรรย์อย่างหนึ่งที่อัลลอฮฺประทานมาในอัลกุรอาน ก่อนหน้าที่อิสลามจะถูกประทานลงมาพวกคนอาหรับนิยมเจ้าบทเจ้ากลอนมากหรือที่เรียกว่าชิอิรฺ(شعر) ชอบเล่นคำ เล่นภาษา และพวกเขานับถือและเชื่อในสรรพสิ่งต่างๆ เช่น ต้นไม้ ท่อนไม้ หิน ดิน ทราย และอื่น ๆ มีอำนาจทั้งสิ้นแล้วแต่จะเชื่อ แม้กระทั่งอาหารการกินที่พวกเขาปั้น ๆ ห้เป็นรูปคนก็กราบไหว้บูชากัน

            เมื่ออิสลามถูกประทานลงมาผ่านศาสนฑูตที่เป็นชาวบ้านธรรมดา ๆ ที่ชื่อว่ามุฮำมัด มาบอกแก่เขาว่า ผู้มีอำนาจจริงๆนั้นคือพระผู้เป็นเจ้าอัลลอฮฺ ไม่ใช่พวกสรรพสิ่งที่เขาเชื่อกัน ด้วยนิสัยที่ถูกครอบงำด้วยมารร้ายไชฏอนก็จะต่อต้านทันที พวกเขาจะยึดมั่นอย่างยิ่งยวดกับการเป็นผู้อนุรักษ์นิยม อะไรที่คนเก่าคนแก่ ปู่ย่าตาทวด เคยยึดถือ เคยเชื่ออย่างไร ก็จะตามเขา เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เมื่อบอกว่าอัลกุรอานนี้เป็นคำพูดของพระผู้เป็นเจ้าผู้มีอำนาจจริง ๆ เขาจะเอามือปิดหูตัวเองหรือเอาผ้าคลุมทันที

وَإِنِّي  كُلَّمَا  دَعَوۡتُهُمۡ  لِتَغۡفِرَ  لَهُمۡ  جَعَلُوٓاْ  أَصَٰبِعَهُمۡ  فِيٓ  ءَاذَانِهِمۡ  وَٱسۡتَغۡشَوۡاْ  ثِيَابَهُمۡ  وَأَصَرُّواْ  وَٱسۡتَكۡبَرُواْ  ٱسۡتِكۡبَارٗا   (7)

        (7. และแท้จริงทุกครั้งที่ข้าพระองค์เรียกร้องเชิญชวนพวกเขาเพื่อที่พระองค์ท่านจะได้อภัยโทษให้แก่พวกเขา พวกเขาก็เอานิ้วมืออุดรูหูของพวกเขา และเอาเสื้อผ้าของพวกเขาคลุมโปง และพวกเขายังดื้อรั้น และหยิ่งยะโสด้วยความจองหอง)

            แต่ด้วยการที่พวกเขานิยมเจ้าบทเจ้ากลอน นิยมการเล่นคำ การกล่าวคำในสิ่งที่เขารู้สึกแปลไม่เคยได้ยินแบบนี้มาก่อน เขาก็จะเปิดหูรับฟังทันที

            บทหรือซูเราะฮฺในอัลกุรอาน ที่เริ่มต้นด้วยอักษรย่อเหมือนในซูเราะฮฺยูซุฟนี้ มีหลายซูเราะฮฺและเกือบทุกซูเราะฮฺหลังจากกล่าวคำนี้แล้วจะตามด้วยการกล่าวถึงความยิ่งใหญ่และชัดแจ้งของอัลกุรอานทันที

            ในซูเราะฮฺนี้ อัลลอฮฺ จะตรัสตามอักษรย่อด้วยคำตรัสที่มีความว่า เหล่านี้คือโองการทั้งหลายแห่งคัมภีร์ที่ชัดแจ้ง

            หมายถึงคำที่กล่าวต่อไปนี้นั้นคือโองการต่างที่กล่าวมาอย่างชัดเจน

            อักษรย่อ อะลิฟ ลาม รออฺ ในที่นี้ เป็นสิ่งดึงดูดให้พวกเขาจากที่ไม่อยากฟัง ไม่อยากได้ยิน เขาต้องเปิดหูฟังในทันที หรือที่เรารู้จักกันที่เรียกว่าเป็นการจูงใจ(Motivation)

        อะลีฟ ลาม รออฺ الر จึงเป็น แรงจูงใจ(Motivative)อย่างหนึ่ง 

        นักวิชาการสมัยใหม่ได้ให้ความหมายของแรงจูงใจเพื่อให้เข้าใจอย่างชัดเจนว่า

  1. แรงจูงใจ หมายถึง "บางสิ่งบางอย่างที่อยู่ภายในตัวของบุคคลที่มีผลทำให้บุคคลต้องกระทำ หรือเคลื่อนไหว หรือมี พฤติกรรม ในลักษณะที่มีเป้าหมาย" (Walters.1978 :218) กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ แรงจูงใจเป็นเหตุผล ของการกระทำ นั่นเอง
  2. แรงจูงใจ หมายถึง "สภาวะที่อยู่ภายในตัวที่เป็นพลัง ทำให้ร่างกายมีการเคลื่อนไหว ไปในทิศทางที่มีเป็าหมาย ที่ได้เลือกไว้แล้ว ซึ่งมักจะเป็นเป้าหมายที่มีอยู่นภาวะสิ่งแวดล้อม" (Loundon and Bitta.1988:368)

         จากอายัตแรกในสูเราะฮฺนี้ ในมิตินี้ทำให้เราตระหนักได้ว่า การที่จะสอนอะไรแก่เด็กๆ ถ้าเด็กไม่ค่อยสนใจเราเท่าไร เราก็ต้องหาอะไรที่เด็กสนใจในเวลาและเป็นเรื่องแปลกประหลาดก็พยายามผูกเรื่องเหล่านั้นกับเนื้อหาที่เราจะสอนเขา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น