วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ขนมอาซูรอ(บูโบซูรอ) มีในบันทึกหะดีษจริงหรือ

بسم الله الرحمن الرحيم وبه نستعين
อาซูรอ
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته
ระดับแก่นนำมุสลิมบ้านเราคนหนึ่ง ได้กล่าวอ้างว่า การทำขนมอาซูรอ(บูโบซูรอ) เคยเกิดขึ้นแล้วในสมัยนบี-ศ็อลล็อลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม- ระหว่างที่ท่านนบีและบรรดาเศาะหาบะฮฺ-เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ-กำลังขุดหลุ่มเพลาะหรือค็อนดัก โดยท่านนบีได้กล่าวว่า
إِنَّ جَابِرًا قَدْ صَنَعَ لَكُمْ سُورًا فَجِئْتُ بِكُمْ
(แท้จริง ญาบิรฺ ได้ปรุงอาหารสำหรับพวกเจ้า พวกเจ้าจงตามฉัน)
ท่านอ้างว่า ส่วนจะเป็นอาหารประเภทใด อย่างไรนั้นแล้วสภาพและสถานที่ วันนี้ผมเลยขอยกหะดีษที่ท่านอ้างมานั้นทั้งตัวบทและจะเป็นอย่างไรนั้นให้ท่านพิจารณากันเอง และผมคิดว่าไม่ยากที่จะตัดสินว่า หะดีษนี้เกี่ยวกับขนมอาซูรอบ้านเราหรือไม่   

วันพฤหัสบดีที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

การศึกษา (ตัรบิยะฮฺ:التربية) เป็นคำใหม่ในอิสลาม

 
การศึกษา (ตัรบิยะฮฺ:التربية) เป็นคำใหม่ในอิสลาม
     การศึกษาไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับมนุษย์ ตั้งแต่อัลลอฮิได้ทรงสร้างอาดัมขึ้นมา พระองค์ก็สอนท่านให้รู้จักชื่อต่างๆ ดังที่อัลลอฮฺได้ตรัส ในสูเราะห์ อัลบะเกาะเราะฮฺ อายัตที่ 31 ว่า
وَعَلَّمَ آدَمَ الأَسْمَاء كُلَّهَا.. [البقرة : 31]
     ความว่า : และพระองค์ได้ได้สอนอาดัมรู้จักชื่อของทุกสิ่ง..
     ท่านนบี(ศอลฯ) ได้กล่าวไว้ในตอนหนึ่งว่า
كل مولود يولد على الفطرة ‏ فأبواه يهودانه أو ينصرانه أو يمجسانه
      ความว่า : ทุกชีวิตที่เกิดมา เกิดมาบนครรลองที่อัลลอฮฺกำหนดไว้ แต่พ่อแม่ของเขาทำให้เขาเป็นยุฮูด(ยิว) หรือนะศอรอ(คริสต์) หรือ มะญูซี(ลัทธิบูชาไฟ)
     เด็กที่คลอดออกมาจากท้องพ่อท้องพ่อท้องแม่ เกิดมาบนแนวทางที่ถูกต้องแล้ว แต่ที่ทำให้เป็นมีพฤติกรรมเบียงเบนหรือเป็นที่ไม่ต้องการนั้น เกิดจากครอบครัง ญาติพี่น้อง สังคม หรือการศึกษาที่เด็กได้รับมา
      อิสลามเป็นศาสนาหนึ่งที่เน้นการศึกษามาแต่เด็ก เน้นตั้งแต่การเลือกคู่ครองของพ่อและแม่ จะได้เป็นครูที่ดี เป็นแบบอย่าง สำหรับเด็กที่จะมาอยู่ในสังคมต่อไป
      ท่านหญิงอาอีชะฮฺรายงายว่า ท่านนบีได้กล่าวว่า
( تُنْكَحُ الْمَرْأَةُ لأَرْبَعٍ : لِمَالِهَا ، وَلِحَسَبِهَا ، وَجَمَالِهَا ، وَلِدِينِهَا ، فَاظْفَرْ بِذَاتِ الدِّينِ تَرِبَتْ يَدَاكَ )
      ความว่า : ชายเลือกแต่งงานกับหญิงที่มีลักษณะสี่อย่างด้วยกัน คือ แต่งเพราะทรัพย์ของนาง เพราะเกียรติยศของนาง เพราะความสวยของนาง และเพราะศาสนาของนาง เจ้าจงเลือกผู้ที่เพรียบพร้อมด้วยศาสนาแม้ว่ามือจะคลุกฝุ่นก็ตาม
     คุณแม่ที่มีศาสนา จะสอนลูกได้ดีและทำให้ใกล้ชิดอัลลอฮฺได้มากกว่าคุณแม่ที่ไม่มีศาสนาอยู่ในใจ
     แม้นว่าอิสลามจะเน้นการศึกษามาก แต่คำว่าการศึกษาหรืออัตตัรบียะฮฺ ไม่มีปรากฎในอัลกุรอานหรือหะดีษนบีหรือแม้แต่ในหนังสือศาสนาเล่มเก่าๆ
      บรรดาอุลามาอฺ(ผู้รู้ในศาสนาอิสลาม) สมัยก่อน ได้ใช้คำต่างๆ ที่ไม่ใช่คำว่าการศึกษา แต่มีความหมายเช่นเดียวกับการศึกษา เช่น

วันจันทร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ตัฟซีรฺอิบนุกะษีรฺ(5) : ซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ ประทานลงมา ณ เมืองมะดีนะฮฺ



ซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ ประทานลงมา ณ เมืองมะดีนะฮฺ

        ทุกคนลงความเห็นว่า ซูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺทั้งหมดประทานลงมา ณ เมืองมะดีนะฮฺ(มะดะนียะฮฺ) นักวิชาการ(อุลามาอฺ) บางคนกล่าว ซูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺประกอบด้วย หนึ่งพันข่าวคราว หนึ่งพันคำสั่ง และหนึ่งพันคำห้าม
        อัล-อาดูน กล่าวว่า จำนวนอายะฮฺในซูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะทั้งหมด 287 อายะฮฺ 6621 คำ 25500 ตัวหนังสือ
        อิบนุญะรีรฺ กล่าวว่า อาฏออฺได้รายงานว่า อิบนุอับบาซ กล่าวว่า "ซูเราะฮฺอัลบะเกาะเระาฮฺ ประทานลงมา ณ เมืองมะดีนะฮฺ"
        อัลวากิดีย์ กล่าวว่า อัฏเฎาะหาก อิบนุ อุษมาน ได้บอกแก่เรา ว่า มีรายงานจาก อะบู อัซซะนาด รายงานจากคอริญะฮฺ อิบนุ ไซดฺ อิบนุ ษาบิท ว่าบิดาของเขาได้กล่าวว่า "ซูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ ได้ลงมาที่มะดีนะฮฺ"

วันอาทิตย์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ตัฟซีรฺอิบนุกะษีรฺ(4) : ความประเสริฐของซูเราะฮฺที่ยาวทั้ง 7


ความประเสริฐของซูเราะฮฺที่ยาวทั้ง 7

อะบู อุไบดฺ ได้กล่าวว่า ฮีชาม อิบนุอิสมาอีล อัดดิมัชกีย์ ได้บอกแก่เราว่า มุหัมมัด อิบนุชุไอบฺ ได้รายงานมาว่า มีรายงานจาก ชะอีด อิบนุ บะชีรฺ จากเกาะตาดะฮฺ จากอะบู อัล-มะลีหฺ จากวาษีละฮฺ อิบนุอัล-อัซฟะอฺ ว่า ท่านนบี
 ได้กล่าวว่า
أُعْطِيتُ السَّبْعَ الطِّوَالَ مَكَانَ التَّوْرَاةِ ، وَأُعْطِيتُ الْمِئِينَ مَكَانَ الْإِنْجِيلِ ، وَأُعْطِيتُ الْمَثَانِيَ مَكَانَ الزَّبُورِ ، وَفُضِّلْتُ بِالْمُفَصَّلِ 
"ฉันถูกประทานมาด้วย 7 สิ่งที่ยาวทดแทนคัมภีร์เตาเราะฮฺ(โตราห์) ฉันถูกประทานมาด้วย 200 อายะฮฺแทนคัมภีร์อินญีล(ไบเบิล) ฉันถูกประทานอายะฮฺที่ซ้ำแล้วซ้ำอีก(มะษานี)แทนคัมภีร์ซะบูรฺ(คัมภีร์ที่ประทานผ่านนบีดาวู) และฉันได้รับสิ่งที่ประเสริฐด้วยซูเราะฮฺสั้นๆ(มะฟัศศ็อล)" 
        หะดีษนี้เป็นหะดีษฆอรีบ(แปลก มีผู้รายงานเพียงสายเดียว) และชะอีด อิบนุบะชีรฺ เป็นคนที่อ่อนไหว

ตัฟซีรฺอิบนุกะษีรฺ(3) : ความประเสริฐของซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺกับอาลาอิมรอน



ความประเสริฐของซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺกับอาลาอิมรอน

        อิมามอะหฺมัด ได้กล่าวว่า อะบูนะอีมได้บอกแก่เราว่า บะชีรฺ อิบนุ มุฮาญิรฺ ได้บอกแก่เราว่า อัลดุลลอฮฺ อิบนุบุไรดะฮฺ ได้บอกแก่ฉันว่า บิดาเขากล่าวว่า

كُنْتُ جَالِسًا عِنْدَ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَسَمِعْتُهُ يَقُولُ : تَعَلَّمُوا سُورَةَ الْبَقَرَةِ ، فَإِنَّ أَخْذَهَا بَرَكَةٌ ، وَتَرْكَهَا حَسْرَةٌ ، وَلَا تَسْتَطِيعُهَا الْبَطَلَةُ . قَالَ : ثُمَّ سَكَتَ سَاعَةً ، ثُمَّ قَالَ : تَعَلَّمُوا سُورَةَ الْبَقَرَةِ ، وَآلَ عِمْرَانَ ، فَإِنَّهُمَا الزَّهْرَاوَانِ ، يُظِلَّانِ صَاحِبَهُمَا يَوْمَ الْقِيَامَةِ ، كَأَنَّهُمَا غَمَامَتَانِ أَوْ غَيَايَتَانِ ، أَوْ فِرْقَانِ مِنْ طَيْرٍ صَوَافَّ ، وَإِنَّ الْقُرْآنَ يَلْقَى صَاحِبَهُ يَوْمَ الْقِيَامَةِ حِينَ يَنْشَقُّ عَنْهُ قَبْرُهُ كَالرَّجُلِ الشَّاحِبِ ، فَيَقُولُ لَهُ : هَلْ تَعْرِفُنِي ؟ فَيَقُولُ : مَا أَعْرِفُكَ . فَيَقُولُ : أَنَا صَاحِبُكَ الْقُرْآنُ الَّذِي أَظْمَأْتُكَ فِي الْهَوَاجِرِ ، وَأَسْهَرْتُ لَيْلَكَ ، وَإِنَّ كُلَّ تَاجِرٍ مِنْ وَرَاءِ تِجَارَتِهِ ، وَإِنَّكَ الْيَوْمَ مِنْ وَرَاءِ كُلِّ تِجَارَةٍ . فَيُعْطَى الْمُلْكَ بِيَمِينِهِ وَالْخُلْدَ بِشِمَالِهِ ، وَيُوضَعُ عَلَى رَأْسِهِ تَاجُ الْوَقَارِ ، وَيُكْسَى وَالِدَاهُ حُلَّتَيْنِ ، لَا يَقُومُ لَهُمَا أَهْلُ الدُّنْيَا ، فَيَقُولَانِ : بِمَ كُسِينَا هَذَا ؟ فَيُقَالُ : بِأَخْذِ وَلَدِكُمَا الْقُرْآنَ ، ثُمَّ يُقَالُ : اقْرَأْ وَاصْعَدْ فِي دَرَجِ الْجَنَّةِ وَغُرَفِهَا ، فَهُوَ فِي صُعُودٍ مَا دَامَ يَقْرَأُ هَذًّا كَانَ أَوْ تَرْتِيلًا .
"ฉันได้นั่งกับนบี(ศ็อลฯ) ได้ยินท่านนบีกล่าวว่า :
"พวกเจ้าจงศึกษาซูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ เพราะเมื่อรับซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺจะเป็นบะรอกะฮฺ(เพิ่มพูลในสิ่งที่ดี) และละทิ้งจะพบกับความเสียใจ และไสยศาสตร์ไม่สามรถทำร้ายคนที่ครอบครองได้" 
พ่อฉันบอกว่า ท่านนบีหยุดพูดครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อว่า
"พวกเจ้าจงศึกษาซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ และซูเราะฮฺ อาลาอิมรอน เพราะทั้งสองเป็นซะฮฺรอวาน(ทั้งสองแหล่งเปล่งแสง) ให้ร่มเงาในวันกิยามะฮฺ ทั้งสองซูเราะฮฺนี้เสมือนสองก้อนเมฆหรือสองสิ่งที่เป็นร่มเงา หรือกลุ่มนกสองกลุ่มที่บินเป็นเป็นแถว(สร้างร่มเงา) แท้จริงอัลกุรอานจะพบกับเจ้าของที่อ่านเขาในวันกิยามะฮฺในช่วงเวลาที่หลุ่มฝังศพของเขาแยกออกมา เขาจะมาในลักษณะชายหนุ่มที่ซีดเซียว แล้วจะถามเจ้าของที่อ่านอัลกุรอานว่า 
"เจ้ารู้จักฉันไหม" 
คนที่อ่านอัลกุรอานตอบว่า  
"ไม่" 
อัลกุรอานที่มาลักษณะมนุษย์นั้นตอบว่า 
"ฉันเป็นอัลกุรอานที่อยู่กับเจ้า ที่ทำให้เจ้าต้องคอแห้งในเวลากลางวัน และให้เจ้าอดนอนในเวลากลางคืน พ่อค้าทุกคน(ได้รับผลกำไร)จากการค้าขายของเขา และเจ้าทุกวันนี้ได้รับผลกำไร(ยิ่งกว่า)การค้าขายทุกอย่าง ถูกมอบหมายให้เป็นเจ้าปกครองทางขวามือและความมั่นคงทางซ้ายมือ บนศศีรษะถูกวางด้วยมงกุฏ พ่อแม่ของเขาถูกสวมใส่ด้วยสิ่งที่มนุษย์บนโลกนี้ไม่เคยได้รับ และทั้งสองก็จะถามว่า :  
    ทำไมสวมใส่เราแบบนี้ ?  
และเขาก็ตอบว่า :  
    เพราะลูกของเจ้าทั้งสองอ่านอัลกุรอาน  
แล้วเขากล่าวอีกว่า :  
    จงอ่านและจงขึ้นบันไดสู่สวนสวรรค์และดำรงอยู่ที่นั้น , และเขาก็ยังคงขึ้นตราบใดที่ยังคงอ่านอัลกุรอานหรือร้องด้วยอัลกุรอาน(ตัรตีล)

วันเสาร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

ตัฟซีรฺ อิบนุกะษีรฺ (2) : ความประเสริฐของซูเราะฮฺอัลบะเกาะเราะฮฺ

ตัดฟซีรฺ ซูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ

بسم الله الرحمن الرحيم
(ด้วยพระนามของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตาและปราณีเสมอ)

ประกอบด้วย 25,500 พยัญชนะ 6,120 คำ 286 โองการ(อายะฮฺ)
นับตามจำนวนของอัลกูฟีและอะลี อิบนุอะบีฏอลิบ-เราะฎิยัลลอฮุอันหุ-

ความประเสริฐของซูเราะฮฺอัล-บะเกาะเราะฮฺ

        อิมามอะหฺมัดได้กล่าวว่า อาริมได้รายงานแก่เราว่า มุอฺตะมิรได้รายงานว่า จากบิดาของเขา จากชายคนหนึ่ง จากบิดาของชายคนนี้ และจากมะอฺกิล อิบนุยะหซารฺ ว่า ท่านเราะซูลุลลอฮฺ 
 ได้กล่าวว่า
الْبَقَرَةُ سَنَامُ الْقُرْآنِ وَذُرْوَتُهُ ، نَزَلَ مَعَ كُلِّ آيَةٍ مِنْهَا ثَمَانُونَ مَلَكًا ، وَاسْتُخْرِجَتْ : ( اللَّهُ لَا إِلَهَ إِلَّا هُوَ الْحَيُّ الْقَيُّومُ ) [ الْبَقَرَةِ : 255 ] مِنْ تَحْتِ الْعَرْشِ ، فَوُصِلَتْ بِهَا ، أَوْ فَوُصِلَتْ بِسُورَةِ الْبَقَرَةِ ، وَ " يس " : قَلْبُ الْقُرْآنِ ، لَا يَقْرَؤُهَا رَجُلٌ يُرِيدُ اللَّهَ وَالدَّارَ الْآخِرَةَ إِلَّا غُفِرَ لَهُ ، وَاقْرَءُوهَا عَلَى مَوْتَاكُمْ
"ซูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺคือยอดและจุดสูงสุดของอัลกุรอาน ในทุกอายะฮฺจะประทานลงมาพร้อมกับ 80 มะลีอีกะฮฺ และ( اللَّهُ لَا إِلَهَ إِلَّا هُوَ الْحَيُّ الْقَيُّومُ ) (อัลบะเกาะเราะฮฺ 2/255) นำออกมาจากใต้บังลังค์(อะรัช)ของอัลลอฮฺ แล้วต่อด้วยสิ่งนี้หรือแล้วต่อด้วยซูเราะฮฺ อัลบะเกาะเราะฮฺ และ ซูเราะฮฺ"ยาซีน" เป็นหัวใจของอัลกุรอาน ไม่มีผู้ใดอ่านซูเราะฮฺนี้นอกจากคนที่ต้องการอัลลอฮฺและที่พำนักในโลกสุดท้าย(สวรรค์) และจงอ่านซูเราะฮฺ(ยาซีน)นี้แก่คนทีเสียชีวิตของพวกเจ้า " อีมามอะหฺมัด คนเดี่ยวเท่านั้นที่บันทึกหะดีษนี้

วันอาทิตย์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

คำสอนของพ่อ : จงทำดีอย่างที่อัลลอฮฺได้ทำดีกับเจ้า

بسم الله الرحمن الرحيم 

และจงแสวงหาสิ่งที่อัลลอฮฺได้ประทานแก่เจ้าเพื่อปรโลกและอย่าลืมส่วนของเจ้าแห่งโลกนี้
และจงทำความดีเสมือนกับที่อัลลอฮฺได้ทรงทำความดีแก่เจ้า
และอย่าแสวงหาความหายนะในแผ่นดิน แท้จริงอัลลอฮฺไม่ทรงโปรดบรรดาผู้บ่อนทำลาย

(อัลเกาะศอศฺ 28:77)
อัสสาลามุอะลัยกุมวะเราะฮฺมุตุลลอฮิวะบาเราะกาตุฮฺ

ด้วยสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความขัดแย้งทางความคิดและการปฎิบัติศาสนากิจ ทำให้ผมคิดถึงอาเยาะฮฺ(คุณพ่อ)มากๆ พ่อผมเป็นโต๊ะครูสอนศาสนาอิสลาม เป็นนักต่อสู้และนักบริการเพื่อให้ความสะดวกสบายหลายอย่างแก่มุสลิม โดยเฉพาะมุสลิมในภาคใต้ ท่านเคยเป็นประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดยะลา นอกจากท่านเคยเรียกร้องให้มีประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดแล้ว ท่านก็เป็นหนึ่งในคนที่เริ่มต้นนำคนไปทำฮัจญ์ขึ้นตรงจากประเทศไทยไม่ต้องไปขึ้นเรีอที่เมืองปีนังประเทศมาเลเซียอย่างที่เคยกระทำ

หะยีมุสตอฟา บินอาแว หะยีสาอิ
ในเรื่องคำสอนศานาของท่าน ท่านเน้นเสมอว่า เราต้องทำตามนบี ยึดอัลกุรอานและแนวทางปฎิบัติของท่านนบี(ศ็อลฯ)เป็นหลัก ตอนผมยังเล็กๆ ท่านละหมาดตะรอวีหฺ 20 เราะกะอัตอย่างเช่นที่ส่วนใหญ่ของคนปาตานีทำอยู่ปัจจุบัน แต่พอผมพอจำความได้ท่านละหมาด 8 เราะกะอัตอย่างกลุ่มคนที่จะทำตามนบีที่เขาทำกันปัจจุบัน ท่านบอกว่าเมื่อนบีทำเราก็ขอทำตามนบี ปรากฎว่ามีคนต่อต้านท่าน และมีบางคนมาหาท่านถึงบ้านขอคุยเรื่องนี้ แต่เท่าที่ผมสังเกตส่วนใหญ่จะมาในลักษระอารมณ์ ลักษณะจะเอาชนะ ลักษณะไม่ยอมละทิ้งสิ่งที่เคยทำมาในอดีต พยายามหาเหตุผลว่า 20 ก็ทำได้ ซึ่งเรื่องนี้ไม่มีใครเถียงว่าทำได้หรือไม่ได้ แต่จะทำตามนบีหรือจะทำตามความเห็นของอุลามาอฺ

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2558

อัลกุรอานช่วยเหลือคนที่อยู่กับเขา


ความช่วยเหลือของอัลกุรอานในวันกิยามะฮฺ

อะบู อุมามะฮฺ อัลบาฮิลีย์ ได้กล่าว ฉันได้ยินเราะซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) กล่าวว่า

 اقْرَءُوا الْقُرْآنَ ، فَإِنَّهُ يَأْتِي يَوْمَ الْقِيَامَةِ شَفِيعًا لِأَصْحَابِهِ 
ความว่า “พวกเจ้าจงอ่านอัลกุรอาน เพราะในวันกิยามะฮฺอัลกุรอานจะนำความช่วยเหลือแก่คนที่อ่านเขา” (บันทึกโดย มุสลิม : 1343)
อันนะว์วาซ อิบนุซัมอาน ได้กล่าวว่า ฉันได้ยินเราะซูลุลลออฺ(ศ็อลฯ)กล่าวว่า

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ความประเสริฐของการอ่านอัลกุรอาน


ความประเสริฐของการอ่านอัลกุรอาน

อัลกุรฏุบีได้รายงานว่า เขาได้ยิน อับดุลลอฮฺ อิบนุมัซอูดได้กล่าว่า ท่านเราะซูลุลลอฮฺ-ศ็อลฯ- ได้กล่าวว่า

" مَنْ قَرَأَ حَرْفًا مِنْ كِتَابِ اللَّهِ فَلَهُ بِهِ حَسَنَةٌ ، وَالْحَسَنَةُ بِعَشْرِ أَمْثَالِهَا ، لَا أَقُولُ الم حَرْفٌ ، وَلَكِنْ أَلِفٌ حَرْفٌ وَلَامٌ حَرْفٌ وَمِيمٌ حَرْفٌ "
ความว่า "ผู้ใดได้อ่านหนึ่งตัวอักษรจากคัมภีร์ของอัลลออฺ(อัลกุรอาน) เขาจะได้รับหนึ่งความดี และหนึ่งความดีจะทีวีคูณเป็นสิบเท่า ฉันไม่ได้กล่าวว่า อะลีฟ ลาม มีม เป็นหนึ่งตัวอักษร แต่อะลิฟจะเป็นหนึ่งตัวอักษร ลามจะเป็นหนึ่งตัวอักษร และมีมจะเป็นหนึ่งตัวอักษร” 

(บันทึกโดย อัตติรมีซีย์ : 1854, อัดดาริมีย์และคนอื่นๆ และหะดีษนี้เป็นหะดีษเศาะหีหฺน่าเชื่อถือ)
และรายงานจากท่านหญิงอาอีชะฮฺ ว่า ท่านเราะซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) ได้กล่าวว่า

ความประเสริฐของอัลกุรอาน : ศิกษาและสอนอัลกุรอาน



เราะซูลุลลอฮฺ-ศ็อลฯ- ได้กล่าวว่า
خَيْرُكُمْ مَنْ تَعَلَّمَ الْقُرْآنَ وَعَلَّمَهُ

ความว่า ผู้ที่ประเสริฐที่สุดในหมู่พวกท่านคือผู้ที่ศึกษาและทำการสอนอัลกุรอาน

(บันทึกโดย อัลบุคอรีย์ : 5027 )

และท่านได้กล่าวอีก

วันพุธที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558

หะดีษเศาะหีหฺมุสลิม 8 (9) : บทความศรัทธา(อีมาน) เรื่อง : หลักอิสลาม หลักศรัทธา หลักอิซานและสัญญาณวันกิยามัต



บท ความศรัทธา(อีมาน)

เรื่อง หลักอิสลาม หลักศรัทธา หลักอิซานและสัญญาณวันกิยามัต


หะดีษเศาะหีหฺมุสลิม 8 (9) :

حَدَّثَنِي أَبُو خَيْثَمَةَ زُهَيْرُ بْنُ حَرْبٍ حَدَّثَنَا وَكِيعٌ عَنْ كَهْمَسٍ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ بُرَيْدَةَ عَنْ يَحْيَى بْنِ يَعْمَرَ ح و حَدَّثَنَا عُبَيْدُ اللَّهِ بْنُ مُعَاذٍ الْعَنْبَرِيُّ وَهَذَا حَدِيثُهُ حَدَّثَنَا أَبِي حَدَّثَنَا كَهْمَسٌ عَنْ ابْنِ بُرَيْدَةَ عَنْ يَحْيَى بْنِ يَعْمَرَ قَالَ
 كَانَ أَوَّلَ مَنْ قَالَ فِي الْقَدَرِ بِالْبَصْرَةِ مَعْبَدٌ الْجُهَنِيُّ فَانْطَلَقْتُ أَنَا وَحُمَيْدُ بْنُ عَبْدِ الرَّحْمَنِ الْحِمْيَرِيُّ حَاجَّيْنِ أَوْ مُعْتَمِرَيْنِ فَقُلْنَا لَوْ لَقِينَا أَحَدًا مِنْ أَصْحَابِ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فَسَأَلْنَاهُ عَمَّا يَقُولُ هَؤُلَاءِ فِي الْقَدَرِ فَوُفِّقَ لَنَا عَبْدُ اللَّهِ بْنُ عُمَرَ بْنِ الْخَطَّابِ دَاخِلًا الْمَسْجِدَ فَاكْتَنَفْتُهُ أَنَا وَصَاحِبِي أَحَدُنَا عَنْ يَمِينِهِ وَالْآخَرُ عَنْ شِمَالِهِ فَظَنَنْتُ أَنَّ صَاحِبِي سَيَكِلُ الْكَلَامَ إِلَيَّ فَقُلْتُ أَبَا عَبْدِ الرَّحْمَنِ إِنَّهُ قَدْ ظَهَرَ قِبَلَنَا نَاسٌ يَقْرَءُونَ الْقُرْآنَ وَيَتَقَفَّرُونَ الْعِلْمَ وَذَكَرَ مِنْ شَأْنِهِمْ وَأَنَّهُمْ يَزْعُمُونَ أَنْ لَا قَدَرَ وَأَنَّ الْأَمْرَ أُنُفٌ قَالَ فَإِذَا لَقِيتَ أُولَئِكَ فَأَخْبِرْهُمْ أَنِّي بَرِيءٌ مِنْهُمْ وَأَنَّهُمْ بُرَآءُ مِنِّي وَالَّذِي يَحْلِفُ بِهِ عَبْدُ اللَّهِ بْنُ عُمَرَ لَوْ أَنَّ لِأَحَدِهِمْ مِثْلَ أُحُدٍ ذَهَبًا فَأَنْفَقَهُ مَا قَبِلَ اللَّهُ مِنْهُ حَتَّى يُؤْمِنَ بِالْقَدَرِ
ثُمَّ قَالَ حَدَّثَنِي أَبِي عُمَرُ بْنُ الْخَطَّابِ قَالَ

วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ประเภทของจิต

จิตของมนุษย์มีหลายลักษณะ นักวิชาการอิสลามหรืออุลามาอฺได้มีความเห็นแตกต่างกันในการแบ่งประเภทของจิตที่ได้ประมวลมาจากอัลกุรอาน บางคนมีอยู่ 7 ประเภท 7 ระดับ บางคนว่ามี 13 ประเภท 13 ระดับ แต่ขอเลือกนำมาเสนอในที่ความเห็นที่ว่า จิตของมนุษย์ตั้งแต่เกิดมาจนถึงเสียชีวิตและกลับไปหาอัลลอฮฺมี 5 ประเภท คือ

  1. จิตสมบูรณ์(نفس سوية
وَنَفْسٍ وَمَا سَوَّاهَا فَأَلْهَمَهَا فُجُورَهَا وَتَقْوَاهَا
(และด้วยจิตและที่พระองค์ทรงทำให้มันสมบูรณ์ แล้วพระองค์ทรงดลใจมันให้รู้ทางชั่วของมันและทางสำรวมของมัน)(อัช-ชัมซฺ 91:7-8)
 سَوَّاهَا (เซาววาฮา) หมายถึงความสมดุลของร่างกายและพลังที่มีอยู่ในส่วนนั้น1 ซัยยิดกุฏุบได้กล่าวว่า นี้เป็นเป็นสิ่งโดดเด่นของอิสลามที่ให้แก่มนุษย์ มนุษย์จะมีสภาพทีสมดุลย์ ธรรมชาติที่ควบคู่ ความพร้อมที่ควบคู่และมีทิศทางที่ควบคู่2 ไม่หนักซ้ายหรือขวา ส่วนอิบนุกะษีรฺ ได้กล่าวว่า จิตสมดุลในที่นี้ หมายถึงอัลลอฮฺได้ทรงสร้างเรือนร่างของมนุษย์ที่สมดุล ตรงตามครรลองที่อัลลอฮฺกำหนด(ฟิฏเราะฮฺ) ดังที่อัลลอฮฺตรัสว่า

วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558

ชนิดของมนุษย์


        จิตวิทยาคือการศึกษาเกี่ยวกับมนุษย์ ศึกษาความเป็นมาและเป็นไปของพฤติกรรมมนุษย์ จะเป็นพฤติกรรมที่กระทำต่อสิ่งแวดล้อม พฤติกรรมที่เกิดขึ้นกับการเปลี่ยนของตัวเองทั้งภายนอกและภายใน ดังนั้นคนที่จะศึกษาจิตวิทยาจะต้องศึกษามนุษย์และเข้าใจมนุษย์จริง ๆ นักวิชาการและนักปราชญ์ยุโรปเขาได้ศึกษามนุษย์และบันทึกให้พวกเราได้อ่านและได้รับรู้เป็นความรู้เกี่ยวกับมนุษย์ที่ได้จากสิ่งที่เขาสังเกตุ ทดลองและเปรียบเทียบ แล้วสรุปมาว่ามนุษย์จะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งแน่นอนความรู้ที่เขาได้มานั้นถ้าถูกต้องก็จะถูกต้อง ณ เวลานั้น ซึ่งในความเป็นจริงแล้วความรู้เหล่านั้นอาจจะถูกและอาจจะผิดเป็นไปได้ทั้งนั้น เพราะเขาไม่ใช่ผู้สร้างมนุษย์และไม่ใช่ผู้ออกแบบให้สร้างมนุษย์อย่างไร ประกอบด้วยอะไรบ้าง

วันศุกร์ที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

เศาะหีหฺมุสลิม หะดีษที่ 8 : ดัจญาล นักโกหก


เศาะหีหฺมุสลิม หะดีษที่ 7 (8)



อิมามมุสลิมได้กล่าวว่า..

 وحَدَّثَنِي حَرْمَلَةُ بْنُ يَحْيَى بْنِ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ حَرْمَلَةَ بْنِ عِمْرَانَ التُّجِيبِيُّ قَالَ حَدَّثَنَا ابْنُ وَهْبٍ قَالَ حَدَّثَنِي أَبُو شُرَيْحٍ أَنَّهُ سَمِعَ شَرَاحِيلَ بْنَ يَزِيدَ يَقُولُ أَخْبَرَنِي مُسْلِمُ بْنُ يَسَارٍ أَنَّهُ سَمِعَ أَبَا هُرَيْرَةَ يَقُولُ قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ
"يَكُونُ فِي آخِرِ الزَّمَانِ دَجَّالُونَ كَذَّابُونَ يَأْتُونَكُمْ مِنْ الْأَحَادِيثِ بِمَا لَمْ تَسْمَعُوا أَنْتُمْ وَلَا آبَاؤُكُمْ فَإِيَّاكُمْ وَإِيَّاهُمْ لَا يُضِلُّونَكُمْ وَلَا يَفْتِنُونَكُمْ"
หัรมะละฮฺ อิบนุ ยะหฺยา อิบนุอับดุลลออฺ อิบนุ หัรมะละฮฺ อิบนุอิมรอน อัตตุญีบีย์ ได้เล่าแก่ฉันว่า วะหบิน ได้กล่าวว่า อะบูชุร็อยฮฺ ได้บอกว่าเขาได้ยิน ชะรอหีล อิบนุ ยะซีด ได้กล่าวว่า มุสลิมอิบนุยะซารฺ ได้บอกเขาว่า เขาได้ยิน
อะบูหุร็อยเราะฮฺ กล่าวว่า ท่านเราะซูลุลลอฮฺ -ศ็อลล็อลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม- ได้กล่าว่า 
ในยุคสมัยสุดท้าย จะมีกลุ่มดัจญาลนักโกหก มาหาพวกเจ้าด้วยหะดีษที่พวกเจ้าไม่เคยได้ยิน และบรรดาบิดาของพวกเจ้าก็ไม่เคยได้ยิน พวกเจ้าจงระวัง พวกเขาจงระวัง อย่าให้พวกเขาทำให้พวกเจ้าหลงทาง และมาสร้างบททอสอบ(ฟิตนะฮฺ)แก่พวกเจ้า 

อิมามได้กล่าวอีกว่า.. มีรายงานจาก อามิร อิบนุ อะบะดะฮฺ ว่า อับดุลลออฮฺ อิบนุอับบาซ ได้กล่าวว่า
"ไชฏอนจะมาในรูปมนุษย์ แล้วไปหากลุ่มคน จากนั้นเขาก็จะบอกกับกลุ่มคนเหล่านั้นข่าวคราวที่ไม่เป็นความจริง แล้วกลุ่มคนก็จะแยกย้ายกันไป มีผู้ชายคนหนึ่งในกลุ่มนั้นจะพูดว่า ฉันได้ฟังที่มนุษย์คนนั้นพูด ฉันรู้จักใบหน้าเขาแต่ไม่รู้ชื่อเขา" 

วันศุกร์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2558

ภาษามลายู-ยาวี ในหนังสือเก่า

วันนี้ได้ไปเปิดตู้หนังสือ รู้สึกอยากจะอ่านหนังสือ(ทดลองแว่นใหม่) ก็เจอหนังสือเก่าๆ มีแต่เนื้ัอไม่มีปก แต่พอเดาได้ว่า เป็นหนังสือของพ่อ(โต๊ะครูหะยีมุสตอฟา อาวัง หะยีสาอิ) เคยได้ยินตอนเด็กๆ เขาจะเรียนหนังสือเล่มนี้ว่า หนัง เกามฺกามี หรือพรรคพวกของเรา (เราจะเรียก เกามฺกามิง ที่แปลว่าว่าพรรกพวกของแพะ) ที่เขาเรียกเช่นนั้น เพราะหนังสือเล่มนี้จะกล่าวคำว่า เกามฺกามี(قوم كامي)บ่อยครั้งมาก

เปิดอ่านไปเรื่อยๆ มีบางประโยคที่ไม่เข้าใจ และบางตัวไม่รู้ว่าเขาอ่านยังไง อย่างตัวอย่างในหน้าที่ผมได้นำเสนอนี้

วันพฤหัสบดีที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2558

ปฏิวัติชีวิต

بسم الله الرحمن الرحيم
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ พระเจ้าผู้ทรงเมตตาและปราณีเสมอ

เมื่อวานได้มีน้องคนหนึ่งได้แนะนำให้สืบค้นและอ่านเกี่ยวกับการทำงานของหมอคนหนึ่งแถวๆ อยุธยา ที่ชื่อว่า นพ.บุญชัย อิศราพิสิษฐ์ ผมก็เลยลองสืบค้นทาง google ดูก็พบเฟสของเขาน่าสนใจมาก เลยติดตามเจอวิดิโอการให้สัมภาษณ์ของเขาในรายงายการ vvip ก็ติดตามชมและฟังจนจบ ได้บทเรียนหลายอย่าง และสิ่งที่หมอบอกที่เป็นการปฎิวัติชีวิตนั้น หลายอย่างมากเลยหรือเกือบทั้งหมดเป็นแนวซุนนะฮฺนบี มีเพียงบางอย่างที่ไม่ตรงและอาจจะตรงกันข้าม ซึ่งผมคิดว่าผมต้องสืบค้นต่อไปว่าของสิ่งที่หมอนำเสนอผิดหรือว่าผมเรียนรู้จากหะดีษมันผิด ส่วนหะดีษไม่ผิดแน่ เพราะหะดีษนบีเป็นแบบอย่างการดำรงชีวิตที่่ถูกต้องของมนุษย์ ที่ผู้ทรงสร้างมนุษย์ได้กำหนดและบ่งบอกมาก

ตอนที่ 1

วันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

หะดีษเศาะหีหฺมุสลิม 6 (7) : พึงระวังนักรายงานหะดีษ

เศาะหีหฺมุสลิม หะดีษที่ 6 (7)

"ความรักต่อประเทศชาติเป็นส่วนหนึ่งของการศรัทธา"
คำนี้หลายคนบอกว่าเป็นหะดีษแต่อุลามาอฺยืนยันว่าไม่ใช่หะดีษ


หะดีษเศาะหีหฺมุสลิม 6 (7) :
 وَحَدَّثَنِي مُحَمَّدُ بْنُ عَبْدِ اللهِ بْنِنُمَيْرٍ وَزُهَيْرُ بْنُ حَرْبٍ قَالَا حَدَّثَنَا عَبْدُ اللهِ بْنُ يَزِيدَ قَالَ حَدَّثَنِي سَعِيدُ بْنُ أَبِي أَيُّوبَ قَالَ حَدَّثَنِي أَبُو هَانِئٍ عَنْ أَبِي عُثْمَانَ مُسْلِمِ بْنِ يَسَارٍ عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ عَنْ رَسُولِ اللهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَنَّهُ قَالَ

 سَيَكُونُ فِي آخِرِ أُمَّتِي أُنَاسٌ يُحَدِّثُونَكُمْ مَا لَمْ تَسْمَعُوا أَنْتُمْ وَلَا آبَاؤُكُمْ فَإِيَّاكُمْ وَإِيَّاهُمْ


วันอังคารที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2558

นาวานูหฺ(8) : อัลลอฮฺทรงกริ้ว


غَضِبَ اللهُ  
อัลลอฮฺทรงกริ้วโกรธ

وَغَضِبَ اللهُ عَلَى النَّاسِ غَضَبًا شَدِيْدًا وَلَعَنَهُمْ
 อัลลอฮฺก็ทรงกริ้วโกรธแก่มวลมนุษย์เหล่านั้นมาก และสาปแช่งพวกเขา

وَلِمَاذَا لاَ يَغْضَبُ اللهُ عَلَى النَّاسِ وَلاَ يَلْعَنُهُمْ ؟
ทำจะไม่ให้พระองค์โกรธพวกเหล่ามนุษย์เหล่านั้น และสาปแช่งพวกเขา ?

أَلِهٰذَا خَلَقَهُمْ، أَلِهٰذَا يَرْزُقُهُمْ ؟
พระองค์นี้ไม่ใช่ผู้ทรงสร้างพวกเขาหรือ ไม่ใช่ผู้ให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเขาหรือ ?

 !يَمْشُوْنَ عَلَى أَرْضِ اللهِ وَيُكَفِّرُوْنَ بِاللهِ
พวกเขาเดินอยู่บนพื้นแผ่นดินของอัลลออฺ แล้วพวกเขาทรยศต่ออัลลอฮฺ !

!وَيَأْكُلُونَ رِزْقِ اللهِ وَيُشْرِكُوْنَ بِاللهِ
พวกเขาได้รับปัจจัยยังชีพจากอัลลอฮฺ แล้วตั้งภาคีกับพระองค์ !

!إِنَّ هٰذَا لَظُلْمٌ عَظِيْمٌ ! إِنَّ هَذَا لَظُلْمٌ عَظِيْمٌ 
การกระทำเช่นนี้นับเป็นการกระทำที่อยุติธรรมมาก ..
การกระทำเช่นนี้นับเป็นการกระทำที่อยุติธรรมมาก ..!

غَضِبَ اللهُ عَلَى النَّاسِ ، وَحَبَسَ الْمَطَرَ وَضَيَّقَ عَلَيْهِمْ . وَقَلَّ الْحَرْثُ وَقَلَّ النَّسَلُ
อัลลอฮฺทรงโกรธมวลมนุษย์ พระองค์ทรงขัดขวางฝนไม่ให้ตก ทรงทำให้พวกเขาขาดแคลน มีพื้ชผักเพียงเล็กน้อยและให้มีการสืบสายพันธ์ุยอย่างเล็กน้อย

وَلٰكَنَّ النَّاسَ مَا عَقَلُوْا ،وَلٰكَنْ النَّاسَ مَا تَابُوْا.
แต่มวลมนุษย์ ไม่คิด พวกเขาไม่สำนึกขออภัยโทษ

นาวานูหฺ(7) : จากรูปปั้นเป็นรูปบูชา


مِنَّ التَّمَاثِيْلِ إِلَى الأَصْنَامِ
จากรูปปั้นเป็นรูปบูชา

وَمَضَى هٰؤُلاَءِ ، وَرَأَى الأَوْلاَدُ آبَائَهُمْ يَتَبَرَّكُوْنَ بِهَا وَرَأَوْا آبَائَهُمْ يُعَظِّمُوْنَهَا تَعْظِيْمًا شَدِيْدًا
พวกเขาได้ดำเนินไป(แบบนั้น) เมื่อลูกหลานเห็นพ่อแม่ของเขาสรรเสริญรูปปั้นเหล่านัน พวกเขาเห็นพ่อแม่เคารพบูชารูปเหล่านั้นอ้วยความจริงจัง

وَكَانُوا يَرَوْنَهُمْ يُقَبَّلُوْنَ هَذِهِ التَّمَاثِيْلَ، وَيَلْمَسُوْنَهَا وَيَدْعُوْنَ عِنْدَهَا .
พวกเขาเห็นพ่อแม่ของเขาจูบ ลูลคลำและร้องขอจากรูปปั้นเหล่านั้น

وَكَانُوْا يَرَوْنَهُمْ يَخْفِضُوْنَ رُءُوَسَهُمْ وَيَرْكَعُوْنَ عِنْدَهَا فَزَادَ الأَبْنَاءُ عَلَى الآبَاءِ، وَصَارُوْا يَسْجدُونَ لَهَا.وَصَارُوا يَسْأَلُوْنَهَا، وَيَذْبَحُونَ لَهَا.
พวกเขามองเห็นพ่อแม่ของเขาก้มศรีษะและคำนับให้แก่รูปปั้นเหล่านั้น บรรดาลูกๆก็ได้เพิ่มการกระทำให้มากกว่านั้นอีก ด้วยการกราบรูปปั้น ร้องขอสิ่งต่างๆจากรูปปั้นและเชื่อดฆ่าสัตว์(เพื่อบูชา)รูปปั้น

وَهكَذَا صَارَتْ هَذِهِ الأَصْنَامُ آلِهَة، وَصَارَ النَاسُ يَعْبُدُوْنَهَا كَمَا كَانوْا يَعْبُدُوْنَ اللهَ مِنْ قَبْلوَكَثُرَتْ هَذِهِ آلِهَةُ فِيْهِمْ ، هٰذَا وَدٌّ وَذٰلِكَ سُوَاعٌ ،وَهٰذَا يَغُوْثُ ، وَذٰلِكَ يَعُوْقُ، وَهٰذَا نَسْرٌ
ดำเนินการเช่นนี้ รูปปั้นจึงได้เปลี่ยนเป็นรูปบูชา มนุษย์ก็จะภักดีต่อรูปบูชาเหล่านั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาภักดีต่ออัลลอฮฺ รูปบูชาก็ได้เพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ นี้มีชื่อว่า วัด นั้น ซุวาอฺ นี้ ยะฆูษ นั้น ยะอูก และนี้ นะซรุน

นาวานูหฺ(6) : จากรูปภาพเเป็นรูปปั้น


مِنَّ الصُوَرِ إِلَى التَّمَاثِيْلِ
จากรูปภาพเป็นรูปปั้น


وَانْتَقَلُوا مِنَّ الصُوَرَ إِلَى التَّمَاثِيْلِ
และเปลี่ยนจากรูปภาพ(ที่เขาวาดแทนคนดีต่างๆ)เป็นรูปปั้น(แทน)

وَعَمِلُوا لِلصَّالِحيْنَ تَمَاثِيْلَ كَثِيْرَةً ، وَوَضَعُوهَا فِيْ بُيُوتِهِمْ وَفِيْ مَسَاجِدِهِمْ
พวกเขาจะรูปปั้นแทนคนดีมากมาย และพวกเขาจะเก็บ(บูชา)ไว้ที่บ้านของพวกเขา ในโบสถ์ของพวกเขา

وَكَانُوْا يَعْبُدُوْنَ اللهَ لاَ يُشْرِكُوْنَ بِهِ شَيْئًا
(ทั้งที่)พวกเขาอิบาดัต(ภักดี)ต่ออัลลอฮฺ ไม่เคยตั้งภาคีใดๆกับพระองค์

وَكانُوْا يَعْرفُوْنَ أَنَّ هَذِهِ تَمَاثِيْلُ الصَّالِحِيْنَ
และพวกเขารู้ดีว่าสิ่งเหล่านี้เป็น(เพียง)รูปปั้นของคนดี

وَأَنَّ هَذِهِ حِجَارَةٌ لاَ تَنْفَعُهُمْ وَلاَ تَضُرُّهُمْ وَلاَ تَرْزُقُهٌمْ وَلٰكِنَّهُمْ كَانُوْا يَتَبَرَّكُوْنْ بِهَا وَيُعَظِّمُوْنَهَا ،لأَنَّهَا تَمَاثِيْلُ لِلصَّالِحِيْنَ
และก้อนหิน(ที่ปั้นเป็นรูป)นี้ไม่ให้ประโยชน์ใดๆแก่พวกเขา ไม่ทำโทษพวกเขา ไม่ให้ปัจจัยยังชีพ(ริซกี)ใดๆแก่พวกเขา แต่พวกเขาสรรเสริญกับมันและเคารพบูชากับมัน เพราะ(เขาถือว่า)มันเป็นรูปปั้น(แทน)คนดี

وَكَثُرَتْ هٰذِهِ التَّمَاثِيْلُ فِيْهِمْ ، وَكَثُرَ تَعْظِيْمُهَا
จำนวนของรูปปั้นเหล่านี้จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆในหมู่พวกเขา และพวกเขาก็จะเพิ่มการบูชา

وَإِذَا مَاتَ فِيْهِمْ رَجُلٌ صَالِحُ عَمِلُوا لَهُ تِمْثَالاً وَسَمُّوْهُ بِاسْمِهِ
เมื่อคนดีในหมู่พวกเขาได้เสียชีวิตลง พวกเขาก็จะสร้างรุปปั้น(ทดแทน)ให้แก่คนดีนั้น และตั้งชื่อเป็นชื่อคนดีคนนั้น

วันอาทิตย์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2558

นาวานูหฺ(5) : รูปภาพของคนดี

 
صُوَرُ الصَّالِحِيْنِ
  รูปภาพของคนดี

قَالَ الشَّيْطَانُ : فَكَيْفَ حُزْنُكُمْ عَلَيْهِمْ ؟
ไชย์ฏอนกล่าวว่า : ความรู้สึกโศกเศร้าของพวกเจ้าที่มีต่อคนดีเหล่านั้นเป็นอย่างไรบ้าง ?

قَالُوا : شَدِيْدٌ.
พวกเขาตอบว่า : รุนแรงมาก

قَالَ: وَكَيْفَ اشْتِيَاقُكُمْ إِلَيْهِمْ ؟
ไชย์ฏอนก็กล่าวต่อว่า : แล้วความคิดถึงของพวกเจ้าที่มีต่อคนดีเหล่านั้นเป็นอย่างไร ?
 
قَالُوا : عَظِيْمٌ !
พวกเขาตอบว่า :  ยิ่งใหญ่มาก
 
قالَ: وَلماذَا لاَ تَنْظرون إِلَيْهم كَلَّ يَوم؟
ไชย์ฏอนกล่าวว่า : แล้วทำไมพวกเจ้าไม่มองดูพวกเขาทุกวัน ?

قَالُوا : وَكَيْفَ السَّبِيْلُ إِلَى ذٰلِكَ وَقَدْ مَاتُوا ؟
พวกเขาตอบว่า : จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร พวกเขาเหล่านั้นได้เสียชีวิตแล้ว

قَالَ : اِعْمَلُوا لَهُمْ صُوَرًا وَانْظُرُوا إِلَيْهَا كُلَّ صَبَاحٍ .
ไชยฏอนกล่าวว่า : พวกเจ้าก็วาดรูปพวกเขาเหล่านั้นและมองดูรูปเหล่านั้นทุกเช้า 
 
وَأَعْجَبَ النَّاسُ بِرَأْيِ إِبْلِيْسَ وَصَوَّرُوْا الصَّالِحِيْنَ.
พวกมนุษย์รู้สึกประหลาดใจในความคิดของอิบลีซมาก แล้วก็ได้วาดรูปของคนดีขึ้น(ตามคำแนะนำของไชย์ฏอน)
 
وَكَانُوْا يَنْظُرُونَ إِلَى هَذِهِ الصُوَرِ كُلَّ يَوْمٍ، وَإِذَا رَأَوْهَا 
 ذَكَرُوْا أُوْلٰئِكَ الصَّالِحِيْنَ  .
พวกมนุษย์ก็จะมองดูรูปของคนดี(ที่เขาวาดขึ้น) ทุกๆวัน และเมื่อมองดูแล้วพวกเขาก็จะกล่าวสรรเสริญคนดีเหล่านั้น