วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เฉลิมฉลองปีใหม่


วันนี้วันที่ 30 ธันวาคม 2557 พรุ่งนี้เป็นวันสิ้นปีและมะรืนนี้เป็นวันขึ้นปีใหม่ เราจะเห็นว่าตามรายการต่างๆในช่องสถานีโทรทัศน์เกือบทุกช่องจะแสดงการเฉลิมฉลองในวันปีใหม่ที่จะถึงวันสองวันนี้ และถ้าดูตามโซเซียลเน็ทเวิรคก็จะเห็นบางหน่วยงานที่อยู่ในสังคมมุสลิมก็จะจัดงานเฉลิมฉลองปีใหม่เช่นกัน โดยเฉพราะโรงเรียน บางโรงเรียนมีมุสลิม 100 % ก็ยังจัดงานที่ว่านี้เช่นกัน วันนี้เลยขอยกหะดีษเกี่ยวกับการเฉลิมฉลองในวันตรุษลักษณะนี้

عَنْ أَنَسٍ ، قَالَ : كَانَ لأَهْلِ الْمَدِينَةِ فِي الْجَاهِلِيَّةِ يَوْمَانِ مِنْ كُلِّ سَنَةٍ يَلْعَبُونَ فِيهِمَا ، فَلَمَّا قَدِمَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ الْمَدِينَةَ ، قَالَ : " قَدْ كَانَ لَكُمْ يَوْمَانِ تَلْعَبُونَ فِيهِمَا ، وَقَدْ أَبْدَلَكُمُ اللَّهُ بِهِمَا خَيْرًا مِنْهُمَا ، يَوْمَ الْفِطْرِ وَيَوْمَ النَّحْرِ " رَوَاهُ يَزِيدُ بْنُ هَارُونَ وَعَبْدُ الْوَهَّابِ الثَّقَفِيُّ 
ความว่า :รายงานจากอะนัส(รอฎิฯ) ว่า สำหรับชาวเมืองมะดีนะฮฺในสมัยญะฮีลียะฮฺ(ก่อนอิสลาม)จะมีสองวันที่พวกเขาละเล่นกันเป็นประจำทุกปี เมื่อท่านนบี-ศ็อลฯ- ได้มามะดีนะฮฺ ท่านกล่าวว่า
"สำหรับพวกเจ้านั้นเคยมี 2 วันที่พวกเจ้าละเล่นกัน และอัลลอฮฺได้เปลี่ยนแปลงสองวันดังกล่าวที่ดีกว่า คือ วันอีดฟิฏริและวันอีดอัฎฮา"
บันทึกโดย ยะซีดอิบนุฮารูน และอับดุลวัฮฮาบ อัษษะเกาะฟีย
(ผู้รายงานน่างเชื่อถือและรายงานต่อเนื่องกัน จึงถือว่าเป็นหะดีษเศาะหีหฺ)

วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หะดีษเศาะหีหฺมุสลิม 5 (6)




เศาะหีหมุสลิม หะดีษที่ 5 (6)
وحَدَّثَنَا عُبَيْدُ اللَّهِ بْنُ مُعَاذٍ الْعَنْبَرِيُّ ، حَدَّثَنَا أَبِي . ح وحَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ الْمُثَنَّى ، حَدَّثَنَا عَبْدُ الرَّحْمَنِ بْنُ مَهْدِيٍّ ، قَالَا : حَدَّثَنَا شُعْبَةُ ، عَنْخُبَيْبِ بْنِ عَبْدِ الرَّحْمَنِ ، عَنْ حَفْصِ بْنِ عَاصِمٍ ،

عن أبى هريرة ، قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّم :ـ

ـ" كَفَى بِالْمَرْءِ كَذِبًا ، أَنْ يُحَدِّثَ بِكُلِّ مَا سَمِعَ "  
وحَدَّثَنَا أَبُو بَكْرِ بْنُ أَبِي شَيْبَةَ ، حَدَّثَنَا عَلِيُّ بْنُ حَفْصٍ ، حَدَّثَنَا شُعْبَةُ ، عَنْ خُبَيْبِ بْنِ عَبْدِ الرَّحْمَنِ ، عَنْ حَفْصِ بْنِ عَاصِمٍ ، عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ ، عَنِ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ، بِمِثْلِ ذَلِكَ
ความว่า : และได้รายงานแต่เรา โดย อุบัยดุลลอฮฺ อิบนุ มุอาซ อัลอันบะรีย์ ได้รายงานแก่เราโดย อุบีย์ (และจากสายรางานอื่น) ได้รายงานแก่เรา โดย อับดุรเราะฮฺมาน อิบนุ มะหฺดีย์ ทั้งสองได้กล่าวว่า ได้รายงานแก่เราโดย ชุอฺบะฮฺ อันคุไบบฺ อิบนุ อับดุรเระาฮฺมาน จากหัฟศฮ อิบนุ อาศิม
จากอะบูหุร็อยเราะฮฺ ว่า ท่านเราะซูลุลลอฮฺ-ศ็อลฯ- ได้กล่าวว่า 
"เพียงพอกับคนๆหนึ่งเป็นคนพูดเท็จ กับการพูดทุกสิ่งที่เขาได้ยิน"
และได้รายงานแก่เราโดย อะบูบักรฺ อิบนุ อะบีไชบะฮฺ ได้รายงานแก่เราโดย อะลี อิบนุ หัฟศฺ ได้เรายงานแก่เรา ชุอฺบะฮฺ จาก คุไบบฺ อิบนุอับดุรเราะฮฺมาน จาก หัฟฮฺ อิบนุอาศิม จากอะบีหุร็อยเราะฮฺ จากนท่านนบี-ศ็อลฯ- เช่นนี้เช่นกัน
-----------------------

        การพูดเท็จหรือโกหกหมายถึงพูดไม่ตรงกับความจริง(อันนะวาวี) ทุกสิ่งที่เขาได้ยินในที่นี้หมายถึงได้ยินมาแล้วไม่มีการตรวจสอบว่าเท็จจริงแค่ไหนแล้วนำไปพูดต่อ(อัลอุษัยมีน)

        จากหะดีษที่ได้นำเสอนี้และจากคำอธิบายของนักวิชาการศาสนา(ุอุลามาอฺ) ทำให้ควรระวังอย่างยิ่งในการเล่าต่อสิ่งที่ได้ยินมา เพราะในการเล่าต่อของคนเรานั้นมีการขาดตกและเสริมแต่งอยู่เสมอ อย่างกรณีที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ความหายนะที่เกิดขึ้นเนื่องจากฝนตกอย่างหนักทำให้เกิดน้ำท้วมทางภาคใต้และทางภาคเหนือของประเทศมาเลเซีย ภาพเหตุการณ์บางภาพมีคนนำเสนอแล้วอ้างผิดๆ ทำให้ดูแล้วน่ากลัว


        และเรื่องเล่าเกี่ยวกับโบราณสถานในประเทศอังกฤษที่ชื่อว่า สโตนเฮนจ์ (อังกฤษStonehenge) ซึ่งเป็นกลุ่มแท่งหินขนาดใหญ่ ตั้งอยู่กลางทุ่งราบกว้างใหญ่บนที่ราบซอลส์บรี (Salisbury Plain) ในบริเวณตอนใต้ของเกาะอังกฤษ ประกอบ ไปด้วยแท่งหินขนาดยักษ์ 112 ก้อน ตั้งเรียงกันเป็นวงกลมซ้อนกัน 3 วง แท่งหินบางอันตั้งขึ้น บางอันวางนอนลง และบางอันก็ถูกวางซ้อนอยู่ข้างบน และนักโบราณคดีเชื่อว่ากลุ่มกองหินนี้ถูกสร้างขึ้นจากที่ไหนสักแห่งเมื่อประมาณ 3000–2000 ปีก่อนคริสตกาล กล่าวคือ การหาอายุจากคาร์บอนกัมมันตรังสีเมื่อ พ.ศ. 2551 เผยให้เห็นว่าหินก้อนแรกถูกวางตั้งเมื่อประมาณ 2400–2200 ปีก่อนคริสตกาล [1] ในขณะที่ทฤษฎีอื่น ๆ ระบุว่ากลุ่มหินที่ถูกวางตั้งมาตั้งแต่ก่อนหน้านั้นถึง 3000 ปีก่อนคริสตกาล



        แต่สื่อของประเทสรัสเซียได้ตีพิมพ์ออกมาว่าหินเหล่าไม่ได้เป็นหินโบราณอย่างที่อวดอ้างจริง แต่เป็นหินที่อังกฤษสร้างขึ้นในช่วงปี คศ. 1954-1958


อ่านเพิ่มเติมได้ที่ : http://beforeitsnews.com/blogging-citizen-journalism/2013/12/shock-1954-photos-show-stonehenge-being-built-2449888.html



วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2557

ซูเราะฮฺ อัล-บุรูจ (1-4)


بِسْمِ اللَّهِ الرَّحْمَٰنِ الرَّحِيمِ
وَالسَّمَاءِ ذَاتِ الْبُرُوجِ (1)ـ وَالْيَوْمِ الْمَوْعُودِ (2)ـ وَشَاهِدٍ وَمَشْهُودٍ (3)ـ قُتِلَ أَصْحَابُ الْأُخْدُودِ (4)ــ
1. ขอสาบานด้วยชั้นฟ้าที่เกลื่อนกลาดด้วยดวงดาว
2. และด้วยวันที่ถูกสัญญาไว้
3. และด้วยผู้เป็นพยานและผู้ที่ถูกเป็นพยาน
4. บรรดาเจ้าของหลุมพรางถูกสาปแช่ง
ซูเราะฮฺ อัล-บุรูจ เป็นซูเราะฮฺอันดับที่ 85 ในอัลกุรอานที่เราใช้อยู่ในปัจจุบัน มีทั้งหมด 22 อายัต เป็นซูเราะฮฺที่ประทานลงมาในสมัยที่ท่านนบี-ศ็อลฯ-ยังอยู่ ณ เมืองมักกะฮฺ หรือที่เรียกว่าซูเราะฮฺมักกียะฮฺ เนื้อหาหลักของซูเราะฮฺมักกียะฮฺเกี่ยวกับความศรัทธาในอัลลอฮฺ ซูเราะฮฺ อัลบุรูจนี้ก็เช่นกันจะเน้นในเรื่องความศรัทธาในอัลลอฮฺ และเรื่องเราในซูเราะฮฺจะพูดถึง "อัศหาบุลอุคดูด" คือ กลุ่มคนยอมเสียสละชีวิต ยอมกระโดดลงในกองไฟ เพื่อรักศรัทธาที่เขายึดมั่น

عَنْ جَابِرِ بْنِ سَمُرَةَ ، أَنّ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ كَانَ " يَقْرَأُ فِي الظُّهْرِ وَالْعَصْرِ بِالسَّمَاءِ ذَاتِ الْبُرُوجِ ، وَالسَّمَاءِ وَالطَّارِقِ وَنَحْوِهِمَا "
ความว่า : รายงานจาก ญาบิรฮฺ อิบนุ ซะมุเราะฮฺ ว่า ท่านนบี-ศ็อลฯ- ได้อ่านในละหมาดซุฮฺรฺและอัศรฺ และในทำนองนี้ (บันทึกโดย อันนะซาอี)

วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หะดีษเศาะหีหฺมุสลิม 4 (5)




หะดีษเศาะหีหฺมุสลิม 4 (5) : 
        وحَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ نُمَيْرٍ ، حَدَّثَنَا أَبِي ، حَدَّثَنَا سَعِيدُ بْنُ عُبَيْدٍ ، حَدَّثَنَا عَلِيُّ بْنُ رَبِيعَةَ ، قَالَ : أَتَيْتُ الْمَسْجِدَ ، وَالْمُغِيرَةُ أَمِيرُ الْكُوفَةِ ، قَال : فَقَالَ الْمُغِيرَةُ : سَمِعْتُ رَسُولَ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ، يَقُولُ :ـ
 إِنَّ كَذِبًا عَلَيَّ ، لَيْسَ كَكَذِبٍ عَلَى أَحَدٍ ، فَمَنْ كَذَبَ عَلَيَّ مُتَعَمِّدًا ، فَلْيَتَبَوَّأْ مَقْعَدَهُ مِنَ النَّارِ 
        وحَدَّثَنِي عَلِيُّ بْنُ حُجْرٍ السَّعْدِيُّ ، حَدَّثَنَا عَلِيُّ بْنُ مُسْهِرٍ ، أَخْبَرَنَا مُحَمَّدُ بْنُ قَيْسٍ الأَسدِيُّ ، عَنْ عَلِيِّ بْنِ رَبِيعَةَ الْأَسَدِيِّ ، عَنِ الْمُغِيرَةِ بْنِ شُعْبَةَ ، عَنِ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ بِمِثْلِهِ ، وَلَمْ يَذْكُرْ : إِنَّ كَذِبًا عَلَيَّ ، لَيْسَ كَكَذِبٍ عَلَى أَحَد

ความว่า :
        และได้รายงานแก่เราโดย มุหัมมัด อิบนุอับดุลลอฮฺ อิบนุ นุไมรฺ, ได้รายงานแก่เรา อุบัย, ได้รายงานแก่เราโดย ซะอีด อิบนุอุไบดฺ, ได้รายงารเราโดย อาลี อิบนุเราะบีอะฮฺ โดยเขาได้กล่าวว่า่ "ฉันได้มามัสยิดกับมุฆีเราะฮฺ อิบนุอุไมรฺ ผู้บริหารเมืองอัล-คูฟะฮฺ และมุฆีเราะฮฺได้กล่าวว่า ได้ยินทานเราะซูลุลอฮฺ ได้กล่าวว่า : 
การกล่าวเท็จเกี่ยวกับฉันนั้นไม่เหมือนกับกล่าวเท็จเกี่ยวกับบุคคลอื่น ผู้ใดได้กล่าวเท็จเกี่ยวกับฉันอย่างจงใจ เขาก็จะเป็นเจ้าของที่นั่งในนรก"
ได้รายงานแก่ฉัน โดย อาลี อิบนุ หุจริน อัซซะอะดี ได้รายงานแก่โราโดย อะลีอิบนุมุซฮิรฺ มุหัมมัด อิบนุ กอซฺ อัล-อัซดี จาก อาลี อิบนุเราะบีอะฮฺ อัล-อัซดี จาก อัล-มุฆีเราะฮฺ ว่าจากท่านนบี-ศ็อลฯ- เช่นนั้นเหมือนกัน แต่ไม่กล่าวว่า "การกล่าวเท็จเกี่ยวกับฉัน ไม่เหมือนักกับการกล่าวเท็จเกี่ยวกับบุคคลอื่น"


---------------------- 

การกล่าวเท็จเกี่ยวกับนบี หรือในตัวนบี ในที่นี้หมายถึงการรายงานหะดีษที่เป็นเท็จ นบีไม่กล่าวบอกว่านบีกล่าว ไม่ได้กระทำบอกว่ากระทำ เพราะหะดีษนบีนั้นเป็นหลักอ้างอิงในบทบัญญัติอิสลาม

เกี่ยวกับหะดีษจอมปลอมนี้ มีหลายหะดีษที่ไม่ใช่หะดีษแต่เขาบอกว่าเป็นหะดีษได้ยินมาตั้งแต่เด็ก บางหะดีษเรียกว่าหะดีษเมาฎูอฺหรือหะดีษที่แต่งขึ้น บางหะดีษไม่ได้แต่งขึ้นมาทั้งหมดเพียงแต่บางคำที่ใช้ไม่ใช่คำที่มีอยู่ในหะดีษ เช่น หะดีษที่ว่า  النّظافة من الإيمان (ความสะอาดเป็นส่วนหนึ่งของการศรัทธา) คำนี้เป็นที่กล่าวขานกันมมานานตั้งแต่โบาณจนถึงปัจจุบัน ทั้งๆที่ไม่มีการอ้างอิงว่าเป็นบันทึกของใคร และมีการายงานเป็นสายสืบทอดอย่างไร หลายคนจึงบอกว่าไม่ใช่หะดีษ แต่ความหมายนั้นใช้ได้ เพราะอิสลามเน้นการทำความสะอาดทั้งที่เป็นบทบัญญัติมาจากอัลกุรอานและหะดีษอื่นๆ

คนที่ศึกษาเกี่ยวกับการศึกษาอิสลาม จากตำราบางเล่มที่เป็นภาษาท้องถิ่นหรือภาษาอาหรับเอง บางคำหรือบางประโยคที่กล่าวว่าเป็นหะดีษนั้น ก็ไม่มีคนที่น่าเชื่อถือในเรื่องหะดีษยืนยันว่าเป็นหะดีษและเศาะหีหฺ อย่างเช่นทีบอกว่า

اطلبوا العلم ولو بالصين
(พวกเจ้าจงศึกษาหาความรู้แม้จะไกลถึงประเทศจีน) 

อัล-อับานี นักพิสุจน์หะดีษที่โด่งดังได้บอกว่า เป็นโมฆะ(باطل) หมายถึงเป็นหะดีษที่แต่งขึ้น กล่าวเท็จว่าท่านนบีกล่าวคำพูดนี้ (ดูใน سلسلة الأحاديث الضعيفة والموضوعة وأثرها السيئ في الأمة เล่ม 1 หน้า 600)

เช่นกัน ที่กล่าวเป็นหะดีษแต่หาที่มาและผู้รายงานที่หน้าเชื่อถือไม่ได้ คือหะดีษที่ว่า


اطلبوا العلم من المهد إلى اللحد
(พวกเจ้าจงศึกษาหาความรู้ จากในเปลจงถึงหลุ่มฝังศพ)
 
ชีคบินบาซ กล่าวว่า หะดีษนี้ไม่เป็นจริง เป็นหะดีษเมาฎูอฺ แต่งขึ้นมา แต่ความหมายถึงถูกต้อง เพียงแต่จะกล่าวอ้างอิงเป็นคำพูดของท่านนบี-ศ็อลฯ- ไม่ได้

วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หะดีษเศาะหีหฺมุสลิม (2) (3) (4 ): เตือนการพูดเท็จเกี่ยวกับนบี(ศ็อลฯ) :

 เศาะหีหฺมุสลิม หะดีษที่ 2

وحَدَّثَنَا أَبُو بَكْرِ بْنُ أَبِي شَيْبَةَ ، حَدَّثَنَا غُنْدَرٌ ، عَنْ شُعْبَةَ . ح وَحَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ الْمُثَنَّى وَابْنُ بَشَّارٍ ، قَالَا : حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ جَعْفَرٍ ، حَدَّثَنَا شُعْبَةُ ، عَنْ مَنْصُورٍ ، عَنْ رِبْعِيِّ بْنِ حِرَاشٍ ، أَنَّهُ سَمِعَ عَلِيًّا رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ يَخْطُبُ ، قَالَ :ـ
قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : " لَا تَكْذِبُوا عَلَيَّ ، فَإِنَّهُ مَنْ يَكْذِبْ عَلَيَّ ، يَلِجِ النَّارَ " ـ 
ความว่า : และได้รายงานแก่เราโดย อะบูบักรฺ อิบนุ อะบีชัยบะฮฺ รางงานแก่เราโอย ฆุนุดะรฺ จากชุอฺบะฮฺ. (จากสายรายงานสายอื่น) ได้รายงานแก่เราโดย มุหัมมัด อิบนุ อัล-มุษันนา และอิบนุบะชารฺ ทั้งสองได้กล่าว่า่ มุหัมมัด อิบนุญะอฺฟาร ได้รายงานแก่เราโดย ชุอฺบะฮฺ จาก มันศูร จากริบอีย์อิบนุหิรอช ว่า เขาได้ยินท่าน อาลี-เราะฎิยัลลอฮุอันฮู- ได้กล่าว ปาฐคถาว่า "ท่านเราะซูลุลลอฮฺ-ศ็อลฯ- ได้กล่าวว่า..  
"พวกเจ้าอย่าพูดเท็จในตัวฉัน เพราะผู้ที่พูดเท็จเกี่ยวกับตัวฉันนั้น จะต้องเข้านรก" 
(มุสลิม 2) (อัลบุคอรี 106)

วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2557

หะดีษเศาะหีหฺมุสลิม 0 (1)




บทนำ

1. เรื่อง จำเป็นต้องเป็นรายงานจากผู้ที่น่าเชื่อถือและทิ้งคนพูดเท็จ

        พึงระวังการพูดเท็จเกี่ยวกับท่านเราะซูลุลลอฮฺ และพึงรู้เถิดว่าอัลลอฮฺ-ผู้ทรงเดชานุภาพ- ให้ทุกคนจำต้องรู้ถึงความแตกต่างระหว่างสายรายงานที่ถูกต้องแท้จริงกับสายงานที่มีปัญหา ผู้รายงานต้องเป็นผู้ที่น่าเชื่อถือ ห่างไกลจากข้อกล่าวหาต่างๆ และเขาไม่รายงานสิ่งใดนอกจากสิ่งนั้นมาจากแนวทางที่ถูกต้องและในสายรายงานนั้นได้รับปกป้องเป็นอย่างดี ป้องกันกล่าวหาจากคนที่ชอบหาเรื่องและคนดื้อรั้นในกลุ่มที่ชอบสร้างความแปลกแยก 
        สิ่งที่เราพูดมามานี้มีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าไม่ขัดกับคำตรัสของอัลลอฮฺในอัลกุรอานที่ว่า 
        يَٰٓأَيُّهَا ٱلَّذِينَ ءَامَنُوٓاْ إِن جَآءَكُمۡ فَاسِقُۢ بِنَبَإٖ فَتَبَيَّنُوٓاْ أَن تُصِيبُواْ قَوۡمَۢا بِجَهَٰلَةٖ فَتُصۡبِحُواْ عَلَىٰ مَا فَعَلۡتُمۡ نَٰدِمِينَ 
            (โอ้ศรัทธาชนทั้งหลาย  หากคนชั่วนำข่าวใดๆ มาแจ้งแก่พวกเจ้า พวกเจ้าก็จงสอบสวนให้แน่ชัด หาไม่แล้วพวกเจ้าจะก่อเคราะห์กรรมแก่พวกหนึ่งโดยไม่รู้ตัว แล้วพวกเจ้าจะกลายเป็นผู้เสียใจในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไป)(อัลหุญุร็อต : 6)
        และ.
 مِمَّن تَرۡضَوۡنَ مِنَ ٱلشُّهَدَآءِ
            (จากผู้ที่พวกเจ้าพึงใจในหมู่พยานทั้งหลาย)(อัลบะเกาะเราะฮฺ : 282) 
        และคำตรัสของพระองค์ผู้ทรงอำนาจอีกว่า
ٖ وَأَشۡهِدُواْ ذَوَيۡ عَدۡلٖ مِّنكُم
            (และจงให้มีพยานสองคนเป็นผู้เที่ยงธรรมในหมู่พวกเจ้า)(อัฏเฏาะลาก : 2)
        จากอายะฮฺอัลกุรอานได้ยกมานี้ เป็นที่ยืนยันได้ว่า เมื่อคนรายงานหะดีษนบีเป็นคนฟาซิกหรือคนบาป หะดีษนั้นจะไม่เป็นที่ยอมรับ การเป็นพยานของเขาก็ถือว่าไม่มีความยุติธรรมและบรรดานักวิชาการก็ไม่ยอมรับเช่นกัน แม้ว่าในบางครั้งหะดีษที่เขารายงานนั้นบางมุมมองอาจจะเชื่อถือได้ แต่โดยรวมแล้วถือว่าหะดีษที่มาจากคนบาปนั้นไม่เป็นที่ยอมรับในหมู่นักวิชาการมุสลิม และการเป็นพยานของเขาก็ไม่เป็นที่ยอมรับเช่นกัน บ่งบอกได้ว่าหะดีษนบีไม่ยอมรับข่าวคราวหรือรายงานที่ไม่ดี เช่นเดียวกันกับที่อัลกุรอานไม่ยอมรับการรายงานจากคนฟาซิกหรือคนบาป 


0 (1) عَنِ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ :
مَنْ حَدَّثَ عَنِّى ، بِحَدِيثٍ يُرَى أَنَّهُ كَذِبٌ فَهُوَ أَحَدُ الْكَاذِبِينَ " 
        حَدَّثَنَا أَبُو بَكْرِ بْنُ أَبِي شَيْبَةَ ، حَدَّثَنَا وَكِيعٌ ، عَنْ شُعْبَةَ ، عَنِ الْحَكَمِ ، عَنْ عَبْدِ الرَّحْمَنِ بْنِ أَبِي لَيْلَى ، عَنْ سَمُرَةَ بْنِ جُنْدَبٍ . ح وحَدَّثَنَا أَبُو بَكْرِ بْنُ أَبِى شَيْبَةَ أَيْضًا ، حَدَّثَنَا وَكِيعٌ ، عَنْ شُعْبَةَ وَسُفْيَانَ ، عَنْ حَبِيبٍ ، عَنْ مَيْمُونِ بْنِ أَبِي شَبِيبٍ ، عَنِ الْمُغِيرَةِ بْنِ شُعْبَةَ ، قَالَا : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ذَلِكَ
ความว่า : 
หะดีษที่ 0 (1) :
         รายงานจากท่านเราะซูลุลลอฮฺ  ว่า
"ผู้ใดได้พูดเกี่ยวกับฉันด้วยคำพูดที่ดูแล้วไม่เป็นความจริง
เขาก็คือคนพูดเท็จคนหนึ่ง" 
        รายงานแก่เราโดย อะบูบักรฺ อิบนุ อะบีชัยบะฮฺ รายงานแก่เราโดย วะกีอฺ จากชุอฺบะฮฺ จาก อัลหะกัม จาก อับดุรเราะฮฺมาน อะบีไลลา จาก ซะมุเราะฮฺ อิบนุญุนดับ (จากสายรายงานสายอืน) รายงานแก่เราโดย อะบูบักรฺ อิบนุ อะบีชัยบะฮฺ เช่นกัน รายงานแก่เราโดย วะกีอฺ จากชุอฺบะฮฺ จากซุฟยาน จากหะบีล จากไมมูนอิบนอะบีชะบีบ จากมุฆีเราะฮฺอิบนุชชุอบะฮฺ ทั้งสองได้กล่าวว่า ท่านเราะซูลุลลอฮฺ ได้กล่าวอย่างที่กล่าวมา. 

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แผ่นดินไหวกับวันสิ้นโลก


عَنْ أَبِي هُرَيْرَةَ ، قَالَ : قَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : " لَا تَقُومُ السَّاعَةُ حَتَّى يُقْبَضَ الْعِلْمُ وَتَكْثُرَ الزَّلَازِلُ وَيَتَقَارَبَ الزَّمَانُ وَتَظْهَرَ الْفِتَنُ وَيَكْثُرَ الْهَرْجُ وَهُوَ الْقَتْلُ حَتَّى يَكْثُرَ فِيكُمُ الْمَالُ فَيَفِيضُ
ความว่า : รายงานจากอะบูฮุร็อยเราะฮฺ ว่า ท่านนบี-ศ็อลล็อลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม- ได้กล่าวว่า "วันสิ้นโลก(กิยามะฮฺ)จะไม่เกิดขึ้นจนกระทั้ง ความรู้ถูกริบคืน แผ่นดินไหวจะเกิดขึ้นถี่ วันเวลาจะสั้นลง บททดสอบ(ฟิตนะฮฺ)จะชัดเจน จะเต็มไปด้วยความวุ่นวาย คือ จะมีการฆ่ากัน จนกระทั้งในหมู่พวกเจ้าจะถ้วมถ่มไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง" (บันทึกโอยอัลบุคอรี หะดีษที่ 1036 และมุสลิม 157)
แผ่นดินไหวเกิดขึ้นในทะเลแปซิฟิคเป็นวงรัศมีที่เขาเรียกว่า
Ring of Fire” จำนวน 227ครั้ง หรือเฉลี่ย 32 ครั้งต่อวัน
(http://www.oknation.net/blog/akom/2011/02/26/entry-1)

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ความประเสริฐของความรู้(1)

ความประเสริฐของความรู้* 



        หลักฐานอ้างอิงถึงความประเสริฐของความรู้จากอายะฮฺอัลกุรอาน อัลลอฮฺได้ตรัสไว้ว่า

شَهِدَ اللَّهُ أَنَّهُ لَا إِلَٰهَ إِلَّا هُوَ وَالْمَلَائِكَةُ وَأُولُو الْعِلْمِ قَائِمًا بِالْقِسْطِ ۚ 
ความว่า :   อัลลอฮ์ทรงยืนยันว่า แท้จริงไม่มีผู้ที่ควรได้รับการเคารพสักการะใด ๆ นอกจากพระองค์เท่านั้น และมะลาอิกะฮ์และผู้มีความรู้ในฐานะดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมนั้น (อาลิอิมรอน 3:18)
จะเห็นได้ว่า อัลลอฮฺได้เปรียบเทียบโดยวางลำดับของความความสำคัญ เริ่มจากพระองค์เองผู้ทรงสูงทรงและมหาบริสุทธิจากภาคีทั้งมวล แล้วบรรดามะลาอิกะฮฺที่เป็นฑูตของพระองค์แล้วผู้ทรงความรู้ที่ยุติธรรม แค่นี้ก็นับว่าเพียงพอแล้วสำหรับเจ้า(ท่านผู้อ่าน)ที่จะยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าผู้ทรงความรู้และความรู้นั้นประเสริฐและมีเกียรติยิ่งอย่างไร

วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ซูเราะฮฺ อัล-ญิน : 1 - 2

( 1 )   จงกล่าวเถิด(มุหัมมัด)ว่า ได้มีวะฮียฺมายังฉันว่า แท้จริงพวกญินจำนวนหนึ่งได้ฟัง(อ่านกุรอาน) และพวกเขากล่าวว่า แท้จริงเราได้ยินกุรอานที่แปลกประหลาด   ( 2 )   อัลกุรอาน
นำไปสู่ทางที่ถูกต้อง ดังนั้นพวกเราจึงศรัทธาต่ออัลกุรอานนั้น และเราจะไม่ตั้งสิ่งใดเป็นภาคีต่อพระเจ้าของเรา
قُلْ أُوحِيَ إِلَيَّ أَنَّهُ اسْتَمَعَ نَفَرٌ مِنَ الْجِنِّ فَقَالُوا إِنَّا سَمِعْنَا قُرْآنًا عَجَبًا 

ความว่า : จงกล่าวเถิด(มุหัมมัด)ว่า ได้มีวะฮียฺมายังฉันว่า แท้จริงพวกญินจำนวนหนึ่งได้ฟัง(อ่านกุรอาน) และพวกเขากล่าวว่า แท้จริงเราได้ยินกุรอานที่แปลกประหลาด

เหตุการณ์ญินได้ยินเสียงอ่านอัลกุรอานนี้ จากบันทึกเศาะหีหฺของมุสลิมและอัตติรมีซีย์ได้เขียนไว้พอสรุปได้ว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นหลังจากที่ได้มีปัญหากับการประกอบอาชีพของญิง ก่อนหน้านั้นญินสามารถขึ้นไปบนฟ้าเพื่อฟังคำลิขิตต่างๆที่จะเกิดบนโลกมนุษย์ แต่หลังจากนั้นพวกเขาไม่สามารถที่จะขึ้นไปอีก ขึ้นไปทีไรก็โดนขว้างด้วยก้อนไฟตกลงมา เลยทำให้ผู้นำของพวกเขาเกณฑ์ให้กลุ่มของพวกเขาออกไปตามหาสาเหตุที่ทำให้พวกเขาไม่สามารถขึ้นบนฟ้ากฟ้าได้ ในระหว่างนั้นท่านนบี(ศ็ิอลฯ)กำลังละหมาดศุบฮฺอยู่ในสวนอินตผาลัมระหว่างเมือกมักกะฮฺกับเมืองฏออีฟ พวกญินได้ยินเสียงอัลกุรอานที่ท่านนบีกำลังอ่านอยู่่ (ตัฟซีร อัลุรฏุบี)

วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

อิคลาศ : หะดีษที่ 1



หะดีษที่ 1
عَنْ أَميرِ الْمُؤْمِنِينَ أبي حفْصٍ عُمرَ بنِ الْخَطَّابِ بْن نُفَيْل بْنِ عَبْد الْعُزَّى بن رياح بْن عبدِ اللَّهِ بْن قُرْطِ بْنِ رزاح بْنِ عَدِيِّ بْن كَعْبِ بْن لُؤَيِّ بن غالبٍ القُرَشِيِّ العدويِّ . رضي الله عنه ، قال : سمعْتُ رسُولَ الله صَلّى اللهُ عَلَيْهِ وسَلَّم يقُولُ
« إنَّما الأَعمالُ بالنِّيَّات ، وإِنَّمَا لِكُلِّ امرئٍ مَا نَوَى ، فمنْ كانَتْ هجْرَتُهُ إِلَى الله ورَسُولِهِ فهجرتُه إلى الله ورسُولِهِ ، ومنْ كاَنْت هجْرَتُه لدُنْيَا يُصيبُها ، أَو امرَأَةٍ يَنْكحُها فهْجْرَتُهُ إلى ما هَاجَر إليْهِ »
متَّفَقٌ على صحَّتِه. رواهُ إِماما المُحَدِّثِين: أَبُو عَبْدِ الله مُحَمَّدُ بنُ إِسْمَاعيل بْن إِبْراهيمَ بْن الْمُغيرة بْن برْدزْبَهْ الْجُعْفِيُّ  الْبُخَارِيُّ، وَأَبُو الحُسَيْنِى مُسْلمُ بْن الْحَجَّاجِ بن مُسلمٍ القُشَيْريُّ  النَّيْسَابُوريُّ رَضَيَ الله عَنْهُمَا في صَحيحيهِما اللَّذَيْنِ هما أَصَحُّ الْكُتُبِ الْمُصَنَّفَة .

      ความว่า : รายงานจาก อะมีร์มุมินีน อะบูฮัฟสิน อุมะร์ อิบนุ ค็อฏฏอบ อิบนุ นุไฟล์ อิบนุ อับดุลอุซซา อิบนุ ริยาฮฺ อิบนะ อับดุลลอฮฺ อิบนุ กุรฎิ อิบนุ ซารอฮฺ อิบนุ อาดีย์ อิบนุ กะอฺบิ อิบนุ ลุไอย์ อิบนะ ฆอลิบ อัลกุรอยช์ อัลอัดวีย์ รอฎอยัลลอฮฺฮุอันฮุ(ขออัลลอฮฺได้โปรดปรานท่าน) กล่าวว่า  :  ฉันได้ยินท่านเราะซูลุลลอฮฺ (ศ็อลลอลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม) กล่าว่า ..
การงานต่างๆ นั้นขึ้นอยู่กับการตั้งใจ และทุกคนจะได้รับการตอบแทนตามที่เขาตั้งใจไว้ การอพยพของบุคคลใดเขาทำเพื่ออัลลอฮฺและเราะซูลของพระองค์ การอพยพของเขาก็จะเป็นไปเพื่ออัลลอฮฺและเราะซูลของพระองค์ และการอพยพของบุคคลใดทำเพื่อหวังผลจากสิ่งบนโลก หรือเพื่อหญิงที่ต้องการแต่งงานด้วย การอพยพของเขาก็จะเป็นไปตามเจตนาที่เขาได้อพยพมา
ทั้งสองท่านเห็นพ้องตรงกันว่าเป็นหะดีษที่ถูกต้อง(เศาะหีหฺ) (เราจะเรียกย่อๆว่า มุตตะฟะกุน อะลัยฮิ)            บันทึกโดย อิมามหะดีษทั้งสองท่าน คือ อะบู อับดุลลอฮฺ มุฮำหมัด อิบนุ อิสมาอีล อิบนุ อิบรอฮีม อิบนุ อัลมฆีเราะฮฺ อิบนุ บัรดีซบะฮฺ อัล ญุอฟีย์ อัลบุคอรียฺ (เรียกย่อๆว่า อัลบุคอรียฺ)และ อะบู อัลฮะซัน มุสลิม อิบนุ อัลฮัจญาจ อิบนุ มุสลิม อัลกุชัยรีย์ อันไนซาบูรีย์ (เรียกย่อๆว่า มุสลิม) รอฎียัลลอฮุอันฮุมา(อัลลอฮฺทรงโปรดปรานท่านทั้งสอง) ในหนังสือหะดีษของท่านทั้งสอง ซี่งเป็นหนังสือที่ถูกต้อง(เศาะฮีฮฺ) ที่สุด

บทที่ 1 : อิคลาศ(บริสุทธิ์ใจต่ออัลลอฮฺ)





บทที่ 1

بَابُ الإِخْلاَصِ وَإِحْضَارِ النِّيَّةِ فيِ جَمِيْعِ الأَعْمَالِ وَالأَقْوَالِ وَالأَحْوَالِ البَارِزَةِ وَالخَفِيَّةِ
เรื่อง ความบริสุทธิ์ใจและการตั้งเจตนาในทุกการงาน คำพูดและอริยาบททั้งที่เปิดเผยและที่ซ่อนเร้น

إخلاص (อิคลาศ) : หมายถึงการปฏิบัติหรือการทำงานเพื่ออัลลอฮฺเท่านั้น มิใช่เพื่อสิ่งอื่นใด และเป็นเงื่อนไขหนึ่งใน 4 เงื่อนไขที่อัลลอฮฺจะยอมรับในการงานนั้น
                    เงื่อนไขที่อัลลอฮฺจะยอมรับในการงานของบ่าวของพระองค์ ประกอบด้วย 2 เงื่อนไขหลักและ 4 เงื่อนไขย่อย
1.  เงื่อนไขความถูกต้องประกอบด้วย 2 เงื่อนไขย่อย คือ บริสุทธิ์ใจ ทำเพื่ออัลลอฮฺเท่านั้น และถูกต้องตามแนวทาง(ซุนนะฮฺ)ของนบี(ศ็อลฯ)
2.  เงื่อนไขความสมบูรณ์ ประกอบด้วย 2 เงื่อนไข คือ
ก.    ยึดถือด้วยความเข้มแข็ง ดังที่อัลลอฮฺได้ตรัสในซูเราะฮฺอัลบะกอเราะฮฺ อายะฮฺ ที่ 63 ว่า
خُذُواْ مَا آتَيْنَاكُم بِقُوَّةٍ
ความว่า : จงยึดถือสิ่งที่เราได้ให้แก่พวกเจ้าด้วยความเข้มแข็ง (อับบะเกาะเราะฮฺ : 2/63)
ข.    ทำทันที  อัลลอฮฺได้ตรัสในซูเราะฮฺ ฎอฮา อายะฮฺ ที่ 42 ว่า
وَلاَ تَنِيَا فِي ذِكْرِي
ความว่า : และเจ้าทั้งสองอย่าเฉื่อยชาในการรำลึกถึงข้า (อัฏฏอฮา  :20/42)

คำนำ : ริยาดุศศอลิฮีน




بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد والسلام على سيد المرسلين وعلى آله وصبح أجمعين .

            หะดีษนบี   เป็นสิ่งหนึ่งที่มุสลิมทุกคนต้องเรียนรู้ ต้องทำความเข้าใจ เพื่อไปปฏิบัติใช้อย่างถูกต้อง อัลลอฮฺ ได้ตรัสในสูเราะฮฺ อันนัจญฺมุ อายะฮฺ ที่ 3-4 ว่า

وَمَا يَنطِقُ عَنِ الْهَوَى إِنْ هُوَ إِلاَّ وَحْيٌ يُوحَى

ความว่า : "และเขามิได้พูดตามอารมณ์ แต่เป็นวะฮีย์ที่อัลลอฮฺประทานลงมา"

และอายะฮฺที่ 31 สูเราะฮฺ อาลิ อิมรอน

قُلْ إِن كُنتُمْ تُحِبُّونَ اللّهَ فَاتَّبِعُونِي يُحْبِبْكُمُ اللهُ
وَيَغْفِرْ لَكُمْ ذُنُوبَكُمْ وَاللّهُ غَفُورٌ رَّحِيمٌ 
 

ความว่า : "จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า พวกเขาหากพวกท่านรักอัลลอฮ์ ก็จงปฏิบัติตามฉัน อัลลอฮ์ก็จะทรงรักพวกท่าน และจะทรงอภัยให้แก่พวกท่านซึ่งโทษทั้งหลายของพวกท่าน และอัลลอฮ์นั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ"

ฉะนั้นเพื่อเป็นมุสลิมที่เข้มแข็งเป็นที่รักของอัลลอฮฺ นอกจากจะต้องศึกษาอัลกุรอานแล้วจะต้องศึกษาหะดีษนบี(ศ็อลฯ)ด้วย เพื่อนำไปปฏิบัติเป็นกิจวัตรประจำวัน อิมามนะวาวีย์ ได้เลือกหะดีษนบี  พันกว่าหะดีษ เขียนรวบรวมเป็นหนังสือมีชื่อว่า رياض الصالحين (ริยาฎุศศอลีฮีน) ซึ่งหนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือหะดีษที่มุสลิมทุกคนควรมีใว้ควบคู่กับอัลกุรอานเป็นอย่างน้อย และต่อไปนี้คือส่วนหนึ่งของเนื้อหาในหนังสือเล่มดังกล่าวที่ผู้เขียนได้แปลเป็นภาษาไทยและได้อธิบายความหมายโดยรวบรวมจากคำอธิบายในหนังสืออธิบายเล่มต่างๆ เช่น دليل الفالحين   และ نزهة المتقين เป็นต้น พร้อมๆกับนำเสนอบทเรียนที่ได้จากหะดีษที่ยกมา

ผู้เขียนหวังว่างานแปลหะดีษชุดนี้สามารถให้ประโยชน์แก่ท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย และขออัลลอฮฺโปรดทำให้งานชิ้นนี้เป็นงานที่มีคุณค่าตามที่ผู้เขียนได้หวังไว้ และขอให้เป็นคำพูดที่อยู่ในกลุ่มของคำพูดที่ดีเลิศที่เชิญชวนไปสู่อัลลอฮ์และผู้ปฏิบัติงานที่ดี และกล่าวว่าแท้จริงฉันเป็นคนหนึ่งในบรรดาผู้นอบน้อม(มุสลิมีน)

وصل الله وعلى سيدنا محمد وعلى آله وصحبه أجمعين

มัสยิด อัลมุสตอฟา
16 เราะมะฎอน 1428
28 กันยายน 2550

อะบูมูซา ผู้เขียน