วันอาทิตย์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2566

ริยาดุศศอลิฮีน : หะดีษที่ 12 (ขอความช่วยเหลือจากอัลลอฮฺด้วยการอ้างอิงถึงความอิคลาศที่มีต่อพระองค์)

 



وعن أبي عَبْد الرَّحْمَن عَبْدِ اللَّهِ بْنِ عُمَرَ بْنِ الْخطَّابِ، رضيَ اللهُ عنهما قَالَ: سَمِعْتُ رسولَ الله صَلّى اللهُ عَلَيْهِ وسَلَّم يَقُولُ:

        "انْطَلَقَ ثَلاَثَةُ نَفَرٍ مِمَّنْ كَانَ قَبْلَكُمْ حَتَّى آوَاهُمُ الْمُبِيتُ إِلَى غَارٍ فَدَخَلُوهُ، فانْحَدَرَتْ صَخْرةٌ مِنَ الْجبلِ فَسَدَّتْ عَلَيْهِمْ الْغَارَ، فَقَالُوا: إِنَّهُ لاَ يُنْجِيكُمْ مِنْ الصَّخْرَةِ إِلاَّ أَنْ تَدْعُوا الله تَعَالَى بِصَالِحِ أَعْمَالكُمْ 

        قَالَ رجلٌ مِنهُمْ: اللَّهُمَّ كَانَ لِي أَبَوانِ شَيْخَانِ كَبِيرانِ، وكُنْتُ لاَ أَغبِقُ قبْلَهُمَا أَهْلاً وَلا مالاً فنأَى بِي طَلَبُ الشَّجرِ يَوْماً فَلمْ أُرِحْ عَلَيْهمَا حَتَّى نَامَا فَحَلبْت لَهُمَا غبُوقَهمَا فَوَجَدْتُهُمَا نَائِميْنِ، فَكَرِهْت أَنْ أُوقظَهمَا وَأَنْ أَغْبِقَ قَبْلَهُمَا أَهْلاً أَوْ مَالاً، فَلَبِثْتُ وَالْقَدَحُ عَلَى يَدِى أَنْتَظِرُ اسْتِيقَاظَهُما حَتَّى بَرَقَ الْفَجْرُ وَالصِّبْيَةُ يَتَضاغَوْنَ عِنْدَ قَدَمى فَاسْتَيْقظَا فَشَربَا غَبُوقَهُمَا. اللَّهُمَّ إِنْ كُنْتُ فَعَلْتُ ذَلِكَ ابْتِغَاءَ وَجْهِكَ فَفَرِّجْ عَنَّا مَا نَحْنُ فِيهِ مِنْ هَذِهِ الصَّخْرَة، فانْفَرَجَتْ شَيْئاً لا يَسْتَطيعُونَ الْخُرُوجَ مِنْهُ. 

        قَالَ الآخر: اللَّهُمَّ إِنَّهُ كَانتْ لِيَ ابْنَةُ عمٍّ كانتْ أَحَبَّ النَّاسِ إِلَيَّ”وفي رواية: “كُنْتُ أُحِبُّهَا كَأَشد مَا يُحبُّ الرِّجَالُ النِّسَاءِ، فَأَرَدْتُهَا عَلَى نَفْسهَا فَامْتَنَعَتْ مِنِّى حَتَّى أَلَمَّتْ بِهَا سَنَةٌ مِنَ السِّنِينَ فَجَاءَتْنِى فَأَعْطَيْتُهِا عِشْرينَ وَمِائَةَ دِينَارٍ عَلَى أَنْ تُخَلِّىَ بَيْنِى وَبَيْنَ نَفْسِهَا ففَعَلَت، حَتَّى إِذَا قَدَرْتُ عَلَيْهَا”وفي رواية: “فَلَمَّا قَعَدْتُ بَيْنَ رِجْليْهَا، قَالتْ: اتَّقِ اللهَ وَلاَ تَفُضَّ الْخاتَمَ إِلاَّ بِحَقِّهِ، فانْصَرَفْتُ عَنْهَا وَهِىَ أَحَبُّ النَّاسِ إِليَّ وَتركْتُ الذَّهَبَ الَّذي أَعْطَيتُهَا، اللَّهُمَّ إِنْ كُنْتُ فَعْلتُ ذَلِكَ ابْتِغَاءَ وَجْهِكَ فافْرُجْ عَنَّا مَا نَحْنُ فِيهِ، فانفَرَجَتِ الصَّخْرَةُ غَيْرَ أَنَّهُمْ لا يَسْتَطِيعُونَ الْخُرُوجَ مِنْهَا.

        وقَالَ الثَّالِثُ: اللَّهُمَّ إِنِّي اسْتَأْجَرْتُ أُجرَاءَ وَأَعْطَيْتُهمْ أَجْرَهُمْ غَيْرَ رَجُلٍ وَاحِدٍ تَرَكَ الَّذي لَّه وَذَهبَ فثمَّرت أجْرَهُ حَتَّى كثرت منه الأموال فجائنى بَعدَ حِينٍ فَقالَ يَا عبدَ اللهِ أَدِّ إِلَيَّ أَجْرِي، فَقُلْتُ: كُلُّ مَا تَرَى منْ أَجْرِكَ: مِنَ الإِبِلِ وَالْبَقَرِ وَالْغَنَم وَالرَّقِيق فقالَ: يا عَبْدَ اللَّهِ لا تَسْتهْزيْ بي، فَقُلْتُ: لاَ أَسْتَهْزيُ بِكَ، فَأَخَذَهُ كُلَّهُ فاسْتاقَهُ فَلَمْ يَتْرُكْ مِنْه شَيْئاً، اللَّهُمَّ إِنْ كُنْتُ فَعَلْتُ ذَلِكَ ابْتغَاءَ وَجْهِكَ فافْرُجْ عَنَّا مَا نَحْنُ فِيهِ، فَانْفَرَجَتِ الصَّخْرَةُ فخرَجُوا يَمْشُونَ “

متفقٌ عليه.

ความว่า :

รายงานจาก อะบูอับดุลเราะฮฺมาน อับดุลลอฮฺ อิบนุอุมัรฺ อิบนุลค็อฏฏ็อบ(รอฎิฯ) เขาได้กล่าวว่า : ฉันได้ยินท่านเราะซูลุลเลาะฮฺ(ศ็อลฯ) กล่าวว่า

“มีชายสามคนจากบรรพชนที่อยู่ในยุคก่อนหน้าพวกเจ้าได้เดินทางจนถึงเวลานอนก็ได้เข้าพักในถ้ำแห่งหนึ่ง อยู่ๆ ก้อนหินจากภูเขาก็ถล่มลงมาปิดปากถ้ำ ดังนั้นพวกเขาจึงกล่าวว่า ไม่มี(สิ่งใด)ที่จะทำให้พวกท่านรอดพ้นจากหินนี้ได้หรอกนอกจากพวกเจ้าจะขอดุอาอฺต่ออัลเลาะฮฺ-ตะอาลา- ด้วยความดีของการงานที่ดีของพวกเจ้าที่พวกเจ้าได้กระทำไว้

ชายคนหนึ่งในสามคนนั้นได้กล่าวว่า

“โอ้อัลลอฮฺ ฉันมีพ่อแม่ที่แก่แล้วทั้งสองคน ฉันไม่เคยให้ใครได้ดื่มนมก่อนท่านทั้งสองเลย ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวของฉันหรือคนใช้ อยู่มาวันหนึ่งฉันต้องเดินทางออกไปหาต้นไม้ที่ห่างไกล ฉันไม่สามารถกลับมาหาท่านทั้งสองให้นมแก่ท่านทั้งสองจนกระทั้งเวลานอน  ฉันได้รินน้ำนมแก่ท่านทั้งสองพบว่าท่านทั้งสองได้นอนหลับแล้ว ฉันไม่ชอบที่จะปลุกท่านทั้งสองและไม่ชอบที่จะให้ลูกหลานในครอบครัวของฉันหรือคนรับใช้ดื่มก่อน  ฉันอยู่ในลักษณะนั้น-ถ้วยเครื่องดื่มอยู่ในมือฉัน- รอจนกระทั้งท่านทั้งสองตื่นในตอนรุ่งเช้า และลูกเล็กก็ร้องไห้ด้วยความหิวอยู่ที่เท้าสองข้างของฉัน พ่อแม่ทั้งสองของฉันก็ตื่นขึ้นและดื่มน้ำนมที่ฉันได้เตรียมให้แก่ท่าน.. โอ้อัลลอฮฺ ถ้าสิ่งที่ฉันทำนี้เพื่อพระองค์ท่าน ขอให้พระองค์ทรงเปิดชองท่างให้แก่เราด้วยการเปิดหินที่ที่ปิดกั้นนี้”

ก้อนหินนั้นก็ได้เปิดเล็กน้อย แต่ยังไม่สามารถที่จะออกจากถ้ำนั้นได้

ชายอีกคนได้กล่าวว่า

“โอ้อัลลอฮฺ.. ฉันมีญาติผู้หญิงเป็นลูกพี่ลูกน้อง เธอเป็นหญิงสาวที่ฉันชอบมากที่สุด –บางรายงาน กล่าวว่า  “ฉันชอบเธอ อย่างที่ชายหนุ่มคลั้งไคล้หญิงสาว”- ฉันต้องการตัวเธอมาก แต่เธอปฏิเสธฉัน จนกระทั้งในปีหนึ่งได้ประสบความเดือนร้อน เธอก็ได้มาหาฉัน ฉันก็ได้เสนอเงินทองแก่เธอ 120 ดีนาร์ เพื่อที่ฉันจะได้ร่วมหลับนอนกับเธอ เธอก็ยอม เมื่อฉันสามารถทีจะหลับนอนกับเธอ -บางรายงานกล่าวว่า- “เมื่อฉันอยู่ระหว่างขาสองข้างของเธอ” เธอกล่าวว่า “เจ้าจงเกรงกลัวอัลลอฮฺเถิด เจ้าอย่าขยับเลื่อนแหวนเว้นแต่เจ้ามีสิทธิ์ในสิ่งนั้น” ฉันก็ละออกจากเธอ ทั้งที่เธอเป็นคนที่ฉันชอบมากที่สุด แล้วฉันก็สละเงินทองที่ฉันได้ให้แก่เธอ.. โอ้อัลลอฮฺ ฉันได้ทำอย่างนี้ เพราะพระองค์ท่าน ขอพระองค์ให้ก้อนหินนั้นเลื่อนออกไปจากฉัน”


ก้อนหินนั้นก็เลื่อนออกไป ทั้งสามคนก็ยังไม่สามารถออกไปได้

คนที่สาม ได้กล่าวว่า

“ฉันได้จ้างคนรับจ้างหลายคน ฉันก็ได้ให้ค่าจ้างแก่ทุกคน เว้นแต่ชายคนหนึ่งเขายังไม่ได้รับค่าจ้าง และเขาก็จากไป ฉันก็ได้นำค่าจ้างของเขาไปทำให้ออกดอกออกผล จนทำให้มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจำนวนมาก จากนั้นเขาก็ได้มาหาฉัน แล้วกล่าวฉันว่า "โอ้อับดุลลอฮฺ.. ฉันขอค่าจ้างของฉัน” ฉันก็ได้กล่าวแก่เขาว่า “ทุกอย่างที่เจ้าเห็นนั้นคือค่าจ้างของเจ้า อูฐ วัว แกะและรวมถึงข้าทาส” เขากล่าวอีกว่า “โอ้อับดุลลอฮฺ.. อย่าล้อเล่นกับฉันเลย” ฉันก็กล่าวแก่เขาว่า “ฉันไม่ได้ล้อเล่นกับเจ้า” แล้วเขาก็เอาไปหมดทุกอย่าง และไม่ทิ้งสิ่งใดเลย.. โอ้อัลลอฮฺ ถ้าการกระทำของฉันนี้เป็นการกระทำเพื่อพระองค์ท่านก็ขอให้พระองค์ เปิดทางให้เราที่อยู่ข้างในนี้"


 ก้อนหินนั้นก็เลื่อนออกไป ชายสามคนนั้นก็ได้ออกมาแล้วเดินไป

 

(มุตตะฟะกุนอะลัยฮฺ-อัลบุคอรียฺและมุสลิมได้บันทึกตรงกัน)


คำอธิบายหะดีษ

เหตุการณ์ที่ท่านนบี(ศ็อลฯ)เล่ามานี้ เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานานแล้ว مِمَّنْ كَانَ قَبْلَكُمْ (จากบรรพชนที่อยู่ในยุคก่อนหน้าพวกเจ้า) มีทั้งหมดด้วยกัน 3 คน และทั้งสามคนนี้ได้ออกนอกหมู่บ้าน จนถึงเวลาที่จะต้องหยุดพัก ก็เข้าไปหลบอยู่ใน غَار (ถ้ำ) เป็นการหลบแดดหลบฝนหรือหลบจากสิ่งสาราสัตว์ที่อาจมาทำร้ายเขาได้ เมื่อทั้งสามคนเข้าไปอยู่ในถ้ำแล้ว อยู่ๆ ก็มี  صَخْرةٌ (ก้อนหิน)ตกลงมาปิดปากถ้ำ ทำให้เขาต้องตกอยู่ในถ้ำ ไม่สามารถออกมาข้างนอกหรือกลับบ้านได้ ผลัดกันผลักหรือร่วมมือกันผลักก็ไม่สามารถที่จะทำให้ก้อนหินนั้นขยับได้ ดังนั้นทางเดียวที่จะทำให้พวกเขารอดและออกจากถ้ำนั้นได้ คือ ความช่วยเหลือจากพระเจ้าผู้ทรงสร้างและผู้ทรงอำนาจในทุกสิ่งอย่างแท้จริง إِنَّهُ لاَ يُنْجِيكُمْ مِنْ الصَّخْرَةِ إِلاَّ أَنْ تَدْعُوا الله تَعَالَى  (ไม่มี(สิ่งใด)ที่จะทำให้พวกท่านรอดพ้นจากหินนี้ได้หรอกนอกจากพวกเจ้าจะขอดุอาอฺต่ออัลเลาะฮฺตะอาลา) และการขอจากพระองค์ครั้งนี้ให้อ้างอิงถึงความดีความชอบที่ได้เคยกระทำมาเพื่อพระองค์ أَنْ تَدْعُوا الله تَعَالَى بِصَالِحِ أَعْمَالكُمْ (ขอดุอาอฺต่ออัลเลาะฮฺตะอาลา ด้วยความดีของการงานที่ดีของพวกเจ้า) นักวิชาการศาสนากล่าวว่าการขอแบบนี้เป็นการขอแบบสื่อด้วยการงานที่เคยกระทำ

ท่านนบี(ศ็อลฯ)ได้กล่าวในหะดีษนี้เป็นความดีที่คนทั้งสามได้สื่อถึง คนแรกเป็นการพูดถึงความดีของตนเองที่มีต่อพ่อแม่ของเขา คนที่สองเป็นการสร้างความดีด้วยการละทิ้งความชั่วเพราะความยำเกรงที่มีต่องอัลลอฮฺผู้ทรงอำนาจ และคนที่สามเป็นการซื่อสัตย์และการสร้างความดีให้แก่บุคคลอื่น

คนที่ 1: ชีวิตประวันของเขาเกี่ยวกับการทำดีกับพ่อแม่ ทุกวันเขาจะให้พ่อแม่ของเขาดื่มนมก่อนใครอื่นใด ไม่ว่าจะเป็นลูก ภรรยาหรือทาสที่รับใช้เขา 

وكُنْتُ لاَ أَغبِقُ قبْلَهُمَا أَهْلاً وَلاَ مالاً  (และฉันไม่เคยให้ครอบครัวฉันและคนรับใช้ดื่มก่อนท่านทั้งสอง)

أَغبِقُ หมายถึงในอาหารเช้า และด้วยอาชีพที่เขาทำงาน การที่เขากล่าวให้ดื่มแบบนี้หมายถึงให้ดื่มนมจากที่เขาได้รีดจากแพะหรืออูฐที่เขาเลี้ยงอยู่

ชายคนนี้เลี้ยงแกะและทุกวันเขาจะพาแกะไปกินหญ้ากินใบไม้ข้างนอก และจะกลับมารีดนมให้พ่อและแม่ได้กินนมแกะของเขาก่อนที่จะให้แก่ลูก ภรรยาและคนอื่นๆในบ้าน

فنأَى بِي طَلَبُ الشَّجرِ يَوْماً (วันหนึ่งฉันต้องเดินทางออกไปหาต้นไม้ที่ห่างไกล) คือ ต้องพาแกะออกไปหาอาหารที่ไกลออกไปอีก ต้องใช้เวลาเดินทางนาน เมื่อกลับถึงบ้านพบว่า พ่อแม่ของเขาได้นอนหลับแล้ว เขาก็คิดว่าจะให้นมที่เขารีดนี้แก่ครอบครัวของเขาและคนอื่นๆก่อนพ่อแม่เขาหรือว่าจะรอให้พ่อแม่เขาตื่นก่อน ให้นมแก่พ่อแม่แล้วคนอื่นๆค่อนดื่มที่หลัง เขาตกลงเลือกวิธีที่สองคือถือถาดใส่นมรอพ่อแม่ตื่นจนสว่าง และเมื่อพ่อแม่เขาตื่น ได้ดื่มนมนั้นแล้ว เขาจึงให้คนอื่นๆในครอบครัวดื่มหลังจากพ่อแม่เขาได้ดื่มแล้ว

اللَّهُمَّ إِنْ كُنْتُ فَعَلْتُ ذَلِكَ ابْتِغَاءَ وَجْهِكَ فَفَرِّجْ عَنَّا مَا نَحْنُ فِيهِ (โอ้อัลลอฮฺ ถ้าสิ่งที่ฉันทำนี้เพื่อพระองค์ท่าน ขอให้พระองค์ทรงเปิดชองท่างให้แก่เรา) คือ โอ้อัลลลอฮฺ .. เมื่อฉันได้ทำเช่นนี้มีความบริสุทธิ์ใจ(อิคลาศ)เพื่อพระองค์แล้ว ขอให้พระองค์ให้เราได้ออกจากถ้ำที่ถูกปิดกั้นด้วยก้อนหินที่ปิดปากถ้ำอยู่

 فانْفَرَجَتْ شَيْئاً (แล้วก้อนหินนั้นก็ได้เคลื่น(เปิด)เล็กน้อย) ด้วยการงานที่อิคลาศที่เขาได้ทำมา เขาทำไปเพื่ออัลลอฮฺ และอิคลาศเป็นเงื่อนไขหลักเงื่อนไขหนึ่งที่การงานของเขาจะถูกอัลลอฮฺตอบรับ และด้วยเหตุผลที่เขาทำกับพ่อแม่อย่างที่เขาเล่ามานี้ อัลลอฮฺก็รอบการงานของเขาและเปิดช่องทางให้เขาได้ออกจากถ้ำ

คนที่ 2: เขาได้สื่อถึงความบริสุทธิ์จากความประพฤติผิดทางเพศของเขา คือ เขาได้ชอบพอกับลูกพี่ลูกน้องของเขาคนหนึ่ง ชอบมาก ชอบและคลั่งเหมือนชายคลั่งหญิงสาวทั่วๆ ไป

فَأَرَدْتُهَا عَلَى نَفْسهَا (แล้วฉันต้องการตัวนาง) ต้องการในที่นี้อุลามาอฺบางคนตีความหมายว่า ต้องการร่วมหลับนอนแบบซีนา(ผิดประเวณี)กับนาง

فَامْتَنَعَتْ مِنِّى (แล้วนางปฏิเสธตัวฉัน) คือ นางไม่ตกลงตามคำขอของเขา

حَتَّى أَلَمَّتْ بِهَا سَنَةٌ مِنَ السِّنِينَ (จนกระทั้งในปีหนึ่งนางได้ประสบความทุกข์ยาก) คือ ในปีที่แห้งแล้ง นางได้ประสบกับความยากจนและมีความต้องการเงินทองเพื่อเลี้ยงชีพมาก

فَجَاءَتْنِى فَأَعْطَيْتُهِا عِشْرينَ وَمِائَةَ دِينَارٍ (แล้วนางก็มาหาฉัน ฉันก็ให้เงินแก่นาง 120 ดีนารฺ) เมื่อความจำเป็นถึงขนาดนี้นางก็ยินยอมที่จะนอนกับเขา ด้วยค่าแลกเปลี่ยน 120 ดีนารฺ ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง แต่นางก็จำยอมและชายคนนั้นก็ได้กระทำเพื่อที่จะร่วมหลับนอนกับนาง

فَلَمَّا قَعَدْتُ بَيْنَ رِجْليْهَا، قَالتْ: اتَّقِ اللهَ وَلاَ تَفُضَّ الْخاتَمَ إِلاَّ بِحَقِّهِ (เมื่อฉันนั่งระหว่างขาสองข้างของนาง นางกล่าวว่า “เจ้าจองตักวา(ยำเกรง)ต่ออัลลอฮฺ และเจ้าอย่าขยับเลื่อนแหวน เว้นแต่เจ้ามีสิทธิ์ในสิ่งนั้น) คือ นางได้เตือนสติชายคนนี้ว่ากำลังกระทำในสิ่งที่ไม่ควรกระทำ ขอให้เกรงกลัวต่ออัลลอฮฺ ผู้ทรงอำนาจเหนื่อสิ่งอื่นใด

เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ชายคนนั้นก็สำนึกตนได้ ยกเลิกการกระทำชั่วนั้นในทันที และยอมมอบเงินให้แก่หญิงสาวคนนั้นไปอย่างไม่คิดค่าตอบแทนใดๆ สิ่งที่เขาได้กระทำนี้ เขาทำไปเพื่ออัลลอฮฺ หรืออิคลาศไม่ใช่เพื่อสิ่งอื่นใด จึงขอให้พระองค์ทรงเลื่อนก้อนหินที่ปิดกั้นประตูถ้ำให้พวกเขาได้ออกจากถ้ำได้ และด้วยอิคลาศของเขานี้ก้อนหินก็ได้เลื่อนออกไป แต่ก็ยังไม่สามารถที่จะออกได้ จนกว่าคนที่สามที่มีอยู่ในนั้นมาสื่อสัมพันธ์สิ่งที่เขาขอกับการงานที่เขาได้กระทำไป

คนที่ 3: ได้สื่อถึงอัลลอฮฺด้วยความซื่อตรง ซื่อสัตย์ในการทำงานของเขา เขาได้ว่าจ้างคนทำงาน และได้จ่ายค่าจ้างครบตามสัญญาทุกคน ยกเว้นมีชายคนหนึ่งที่เขายังไม่ได้มอบค่าจ้างให้ เพราะชายคนนั้นรีบจากไปก่อนที่จะได้รับค่าจ้าง แต่ชายคนที่สามนี้ก็เก็บค่าจ้างของเขาไว้พร้อมกับนำเงินจำนวนนั้นไปทำให้ออกดอกออกผล โดยการทำให้เป็นต้นทุน เลี้ยงสัตว์ อูฐ วัว แพะ แกะ และได้ข้าทาสที่รับใช้ จนสะสมเป็นจำนวนมาก และขยายไปเรื่อยๆ อยู่มาวันหนึ่งชายที่ไม่ได้รับค่าจ้างกลับมาหาเขาที่เป็นนายจ้างและกล่าวว่า

يَا عبدَ اللهِ أَدِّ إِلَيَّ أَجْرِي (โอ้อับดุลลอฮฺ-บ่าวของอัลลอฮฺ- ให้แก่ฉันเถิดค่าจ้างของฉัน) ชายคนที่ 3 นี้ก็กล่าวว่า

كُلُّ مَا تَرَى منْ أَجْرِكَ (ทุกอย่างที่เจ้าเห็นนั้นแหละคื่อค่าจ้างของเจ้า) คือ ทุกอย่างที่เขาเห็นข้างหน้าของเขา ซึ่งมี   الإِبِلِ وَالْبَقَرِ وَالْغَنَم وَالرَّقِيق (อูฐ วัว แกะและรวมถึงข้าทาส) ข้าทาสรับใช้การทำงาน จนทำให้ชายคนนี้ตกใจและไม่เชื่อในสิ่งที่เขาฟัง لا تَسْتهْزيْ بي (เจ้าอย่าล้อเล้นกับฉัน) คือ คิดว่า นายจ้างที่เคยจ้างเขาล้อเล่นกับเขาว่า ค่าจ้างที่เขายังไม่ได้รับมีจำนวนมากมายอย่างที่เขาเห็น และนายจ้างของเขาก็ยืนยันว่า لاَ أَسْتَهْزيُ بِكَ (ฉันไม่ได้ล้อเล่นกับเจ้า) และชายคนนั้นก็เอาค่าจ้างของเขาที่นายจ้างทำให้งอกงามได้เป็นจำนวนมากนั้นไปจนหมด

ชายคนที่สามนี้ก็ร้องขอต่ออัลลอฮฺด้วยกระทำของเขาที่จริงใจ อิคลาศต่อพระองค์ ว่า اللَّهُمَّ إِنْ كُنْتُ فَعَلْتُ ذَلِكَ ابْتغَاءَ وَجْهِكَ فافْرُجْ عَنَّا مَا نَحْنُ فِيهِ،(โอ้อัลลอฮฺ ถ้าการกระทำของฉันนี้เป็นการกระทำเพื่อพระองค์ท่านก็ขอให้พระองค์  เปิดทางให้เราที่อยู่ข้างในนี้ )

فَانْفَرَجَتِ الصَّخْرَةُ فخرَجُوا يَمْشُونَ (ก้อนหินนั้นก็เลื่อนออกไป ชายสามคนนั้นก็ได้ออกมาแล้วเดินไป) ด้วยการกระทำที่บริสุทธิ์(อิคลาศ)ใจต่ออัลลของพวกเขาทั้งสาม ก้อนหินที่ปิดปากประตูถ้ำก็เลื่อนออกจนสามารถที่จะผ่านออกไปได้ และชายทั้งสามคนนั้นก็เดินออกไป

บทเรียนจากหะดีษนี้

การทำดีกับพ่อแม่ ด้วยความจริงจัง จริงใจ และไม่ได้ทำเพื่อให้คนเห็น แต่ทำไปเพราะเกรงกลัวในอัลลอฮฺ ทำตามที่อัลลอฮฺบัญญัติใช้

وَقَضَىٰ رَبُّكَ أَلَّا تَعۡبُدُوٓاْ إِلَّآ إِيَّاهُ وَبِٱلۡوَٰلِدَيۡنِ إِحۡسَٰنًاۚ إِمَّا يَبۡلُغَنَّ عِندَكَ ٱلۡكِبَرَ أَحَدُهُمَآ أَوۡ كِلَاهُمَا فَلَا تَقُل لَّهُمَآ أُفّٖ وَلَا تَنۡهَرۡهُمَا وَقُل لَّهُمَا قَوۡلٗا كَرِيمٗا

(และพระเจ้าของเจ้าบัญชาว่า พวกเจ้าอย่าเคารพภักดีผู้ใดนอกจากพระองค์เท่านั้น และจงทำดีต่อบิดามารดา เมื่อผู้ใดในทั้งสองหรือทั้งสองบรรลุสู่วัยชราอยู่กับเจ้า ดังนั้นอย่ากล่าวแก่ทั้งสองว่า "อุฟ" และอย่าขู่เข็ญท่านทั้งสอง และจงพูดแก่ท่านทั้งสองด้วยถ้อยคำที่อ่อนโยน)(ซูเราะฮฺ อัลอิซรออฺ 17:23)

ความบริสุทธิจากการกระทำผิดทางเพศ ในเรื่องนี้แม้ว่าจะฝ่ายหญิงจะยินยอมแล้วด้วยความจำเป็น เพราะขัดสนในปัจจัยยังชีพที่จำเป็น แต่ด้วยคำเตือนให้เกรงกลัวพระผู้เป็นเจ้า การควรและไม่ควร ทั้งตามหลักศาสนาและหลักวัฒนธรรมประเพณี และด้วยความเกรงกลัวอัลลอฮฺเขาก็ยอมละทิ้งความใคร่ของตนเอง พร้อมกับยอมสละทรัพย์ที่ควรจะได้สิ่งแลกเปลี่ยนแต่เขาก็ยอมให้เสียไป เพราะเกรงกลัวอัลลอฮฺ คนที่เกรงกลัวอัลลอฮฺ ยอมละทิ้งความต้องการของจิตใฝ่ต่ำของตนเอง เพื่อรักษาความบริสุทธิต่อการประพฤติผิดทางเพศ เป็นการกระทำที่ดีและน่ายกย่อง ท่านนบี(ศ็อลฯ)  ได้กล่าวในเรื่องนี้ว่า ในวันที่แดดร้อนจัดแผดเผาในวันกิยามะฮฺ ไม่มีร่มเงาใดที่จะให้เงาได้ นอกจากร่มเงาจากอัลลอฮฺ และหนึ่งในคุณสมบัติของบุคคลที่จะได้อยู่ภายใต้ร่มเงาของอัลลอฮฺในวันนั้น คือ وَرَجُلٌ دَعَتْهُ امْرَأَةٌ ذَاتُ مَنْصِبٍ وَجَمَالٍ (และชายที่เมื่อมีหญิงสาวที่มีฐานะดีและสวยงานเชิญชวนเขา(ในให้ร่วมหลับนอนกับนาง) เขากล่าวว่า   إِنِّي أَخَافُ اللَّهَ  (ฉันกลัวอัลลอฮฺ)) (บันทึกโดยมุสลิม :1718)

ความซื้อสัตยฺสุจริตในหน้าที่การงาน แม้เวลาล่วงเลยมานานแสนนาน สิ่งที่ไม่ใช่ของตนเองก็ควรรักษาไว และคืนให้เจ้าของ ถ้าสิ่งนั้นมีการเจริญงอกงามตามช่วงเวลาที่เจ้าของเขาจะมารับ ก็ควรคืนให้เขาหมดทั้งสิ่งที่เขาทิ้งไว้และสิ่งที่เป็นผลผลิตงอกงามจากสิ่งที่เขาทิ้งไป

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น