วันพฤหัสบดีที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

เศาะหีหุลบุคอรีย์ (3) :

 


٣ - حَدَّثَنَا يَحْيَى بْنُ بُكَيْرٍ قَالَ حَدَّثَنَا اللَّيْثُ عَنْ عُقَيْلٍ عَنْ ابْنِ شِهَابٍ عَنْ عُرْوَةَ بْنِ الزُّبَيْرِ عَنْ عَائِشَةَ أُمِّ الْمُؤْمِنِينَ أَنَّهَا قَالَتْ أَوَّلُ مَا بُدِئَ بِهِ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ مِنْ الْوَحْيِ الرُّؤْيَا الصَّالِحَةُ فِي النَّوْمِ فَكَانَ لَا يَرَى رُؤْيَا إِلَّا جَاءَتْ مِثْلَ فَلَقِ الصُّبْحِ ثُمَّ حُبِّبَ إِلَيْهِ الْخَلَاءُ وَكَانَ يَخْلُو بِغَارِ حِرَاءٍ فَيَتَحَنَّثُ فِيهِ وَهُوَ التَّعَبُّدُ اللَّيَالِيَ ذَوَاتِ الْعَدَدِ قَبْلَ أَنْ يَنْزِعَ إِلَى أَهْلِهِ وَيَتَزَوَّدُ لِذَلِكَ ثُمَّ يَرْجِعُ إِلَى خَدِيجَةَ فَيَتَزَوَّدُ لِمِثْلِهَا حَتَّى جَاءَهُ الْحَقُّ وَهُوَ فِي غَارِ حِرَاءٍ فَجَاءَهُ الْمَلَكُ فَقَالَ اقْرَأْ قَالَ مَا أَنَا بِقَارِئٍ قَالَ فَأَخَذَنِي فَغَطَّنِي حَتَّى بَلَغَ مِنِّي الْجَهْدَ ثُمَّ أَرْسَلَنِي فَقَالَ اقْرَأْ قُلْتُ مَا أَنَا بِقَارِئٍ فَأَخَذَنِي فَغَطَّنِي الثَّانِيَةَ حَتَّى بَلَغَ مِنِّي الْجَهْدَ ثُمَّ أَرْسَلَنِي فَقَالَ اقْرَأْ فَقُلْتُ مَا أَنَا بِقَارِئٍ فَأَخَذَنِي فَغَطَّنِي الثَّالِثَةَ ثُمَّ أَرْسَلَنِي فَقَالَ اقْرَأْ بِاسْمِ رَبِّكَ الَّذِي خَلَقَ خَلَقَ الْإِنْسَانَ مِنْ عَلَقٍ اقْرَأْ وَرَبُّكَ الْأَكْرَمُ فَرَجَعَ بِهَا رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَرْجُفُ فُؤَادُهُ فَدَخَلَ عَلَى خَدِيجَةَ بِنْتِ خُوَيْلِدٍ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهَا فَقَالَ زَمِّلُونِي زَمِّلُونِي فَزَمَّلُوهُ حَتَّى ذَهَبَ عَنْهُ الرَّوْعُ فَقَالَ لِخَدِيجَةَ وَأَخْبَرَهَا الْخَبَرَ لَقَدْ خَشِيتُ عَلَى نَفْسِي فَقَالَتْ خَدِيجَةُ كَلَّا وَاللَّهِ مَا يُخْزِيكَ اللَّهُ أَبَدًا إِنَّكَ لَتَصِلُ الرَّحِمَ وَتَحْمِلُ الْكَلَّ وَتَكْسِبُ الْمَعْدُومَ وَتَقْرِي الضَّيْفَ وَتُعِينُ عَلَى نَوَائِبِ الْحَقِّ فَانْطَلَقَتْ بِهِ خَدِيجَةُ حَتَّى أَتَتْ بِهِ وَرَقَةَ بْنَ نَوْفَلِ بْنِ أَسَدِ بْنِ عَبْدِ الْعُزَّى ابْنَ عَمِّ خَدِيجَةَ وَكَانَ امْرَأً قَدْ تَنَصَّرَ فِي الْجَاهِلِيَّةِ وَكَانَ يَكْتُبُ الْكِتَابَ الْعِبْرَانِيَّ فَيَكْتُبُ مِنْ الْإِنْجِيلِ بِالْعِبْرَانِيَّةِ مَا شَاءَ اللَّهُ أَنْ يَكْتُبَ وَكَانَ شَيْخًا كَبِيرًا قَدْ عَمِيَ فَقَالَتْ لَهُ خَدِيجَةُ يَا ابْنَ عَمِّ اسْمَعْ مِنْ ابْنِ أَخِيكَ فَقَالَ لَهُ وَرَقَةُ يَا ابْنَ أَخِي مَاذَا تَرَى فَأَخْبَرَهُ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ خَبَرَ مَا رَأَى فَقَالَ لَهُ وَرَقَةُ هَذَا النَّامُوسُ الَّذِي نَزَّلَ اللَّهُ عَلَى مُوسَى يَا لَيْتَنِي فِيهَا جَذَعًا لَيْتَنِي أَكُونُ حَيًّا إِذْ يُخْرِجُكَ قَوْمُكَ فَقَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ أَوَمُخْرِجِيَّ هُمْ قَالَ نَعَمْ لَمْ يَأْتِ رَجُلٌ قَطُّ بِمِثْلِ مَا جِئْتَ بِهِ إِلَّا عُودِيَ وَإِنْ يُدْرِكْنِي يَوْمُكَ أَنْصُرْكَ نَصْرًا مُؤَزَّرًا ثُمَّ لَمْ يَنْشَبْ وَرَقَةُ أَنْ تُوُفِّيَ وَفَتَرَ الْوَحْيُ 

ยะหฺยา อิบนุ บุไกรฺ ได้บอกแก่เราว่า อัลไลษ์ ได้บอกแก่เราว่า รายงานจากอุไกล์ ได้รับรายงานจาก อิบนุชิฮาบ รับรายงานจากอุรวะฮฺ อิบนุอัซซุไบรฺ ว่า ท่านหญิงอาอิชะฮฺ อุมมุลมุมินีน(มารดาของบรรดาของมุมิน) ว่า ท่านได้กล่าวว่า 

"วะหฺยูแรกเริ่มที่มีมากำ่ท่านเราะซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ) คือ ท่านได้ฝันดีในระหว่างทีท่านกำลังนอนหลับ ท่านไม่ได้ฝันเห็นสิ่งอื่นใดนอกจากท่านเห็นเสมือนแสงรุ่งอรุณในตอนเช้า จากนั้นท่านก็ชอบบำเพ็ญปลีกวิเวกอยู่คนเดียว ท่านไปอยู่ที่ถ้ำหะรออฺตามลำพัง ท่านได้ปฏิบัตินมัสการอยู่ที่นั้นหลายค่ำคืน ก่อนที่ท่านจะกลับมายังครอบครัวของท่าน ท่านกลับมาหาท่านหญิงเคาะดีญะฮฺ(ภรรยาของท่าน) แล้วท่านก็บำเพ็ญปฏิบัติเช่นที่ได้ทำมา จากกระทั้งสัจธรรมก็ได้มาหาท่าน ณ ถ้ำหิรออฺ มะลาอิกะฮฺมาหาท่าน แล้วกล่าวว่า 

 "อิกเราะ(اقْرَأْ) จงอ่าน" ท่านตอบว่า "ฉันอ่านไม่เป็น

        ท่านเราะซูลุลลอฮฺได้เล่าว่า 

"เขาก็จับฉันและกอดรัดฉันจนฉันทนไม่ไหว แล้วเขาก็ปล่อยฉัน แล้วเขาก็กล่าวอีกว่า : อิกเราะ(จงอ่าน) ฉันกล่าวว่า "ฉันอ่านไม่เป็น" เขาก็จับฉันและรัดฉัน เป็นครั้งที่สอง จนฉันทนไม่ไหว แล้วเขาก็ปล่อยฉัน  เขาก็กล่าวแก่ฉันอีกว่า "อิกเราะ(จงอ่าน)" ฉันก็ตอบอีกว่า "ฉันอ่านไม่เป็น" เขาก็ตอบรัดตัวฉันเป็นครั้งที่สาม แล้วเขาก็ปล่อยฉัน จากนั้นเขาก็กล่าวว่า 

  اقْرَأْ بِاسْمِ رَبِّكَ الَّذِي خَلَقَ خَلَقَ الْإِنْسَانَ مِنْ عَلَقٍ اقْرَأْ وَرَبُّكَ الْأَكْرَمُ 

 (จงอ่านด้วยพระนามแห่งพระเจ้าของเจ้าผู้ทรงบังเกิด ทรงบังเกิดมนุษย์จากก้อนเลือด จงอ่านเถิด และพระเจ้าของเจ้านั้นผู้ทรงใจบุญยิ่ง)(ซูเราะฮฺ อัลอะลัก 69:1-3)

 ท่านเราะซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ)ก็กลับด้วยหัวใจที่ตระหนกตกใจ แล้วท่านก็เข้าไปหาท่านหญิงเคาะดีญะฮฺ บินติคุไวลิด(เราะฎิฯ) แล้วท่านก็กล่าวแก่ท่านหญิงว่า "จงห่มฉัน จงห่มฉัน" ท่านหญิงก็ห่มท่านจนท่านหายตระหนก จากนั้นท่านก็เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นแก่ท่านหญิงเคาะดีญะฮฺ และกล่าวว่า "ฉันกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวฉัน" ท่านหญิงเคาะดีญะฮฺกล่าวแก่ท่านว่า "ไม่หรอก ฉันขอสาบานกับอัลลอฮฺ อัลลอฮฺไม่ทรงให้ท่านตกต่ำเด็ดขาด ท่านเป็นคนที่สร้างสัมพันธ์ที่ดีระหว่างเครื่อญาต ท่านรับภาระคนขาดแคลน ท่านแสวงหาแก่คนอนาถา ให้เกียรติแก่แขกที่มาเยือน ช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก"  ท่านหญิงเคาะดีญะฮฺได้นำท่านเราะซูลุลลอฮฺไปหา วะเราะเกาะฮฺ อิบนุ อะซัด อิบนุ อับดุลอุซซา ลูกของน้าของท่านหญิงเคาะดีญะฮฺ ในสมัยญาฮีลิยะฮฺ(ก่อนอิสลาม) เขานับถือศาสนาคริสต์ เขาเขียนหนังสือด้วยภาษาฮิบรู เขาเขียนคัมภีร์ไบเบิลด้วยภาษาฮิบรู ตามที่เขาประสงค์ที่จะเขียน เขาเป็นคนชราที่ตาบอด ท่านหญิงเคาะดีญะฮฺได้กล่าวแก่เขาว่า "โอ้ ลูกของน้า เจ้าจงฟังเรื่องราวจากหลานของเจ้า" วะเราะเกาะฮฺถามท่านเราะซูลุลลอฮฺว่า "โอ้หลานรัก ! เจ้าเห็นอะไรมา" ท่านเราะซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ)ก็ได้เล่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับท่าน เขาก็กล่าวกับท่านเราะซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ)ว่า "นี้เป็นนามูซที่อัลลอฮฺได้ประทานลงมาแก่นบีมูซา ฉันหวังว่าฉันกลับเป็นหนุ่ม หวังว่าฉันมีชีวิตอยู่ในวันที่พวกเจ้าไล่เจ้าออกไป" ท่านเราะซูลุลลอฮฺ(ศ็อลฯ)ถามว่า "พวกเขาจะไล่ออกไปหรือ?"  เขาตอบว่า "ใช่ ไม่มีบุรุษคนใดเลยที่นำสิ่งที่เจ้านำมา นอกจากจะเป็นศัตรูกัน และถ้าในวันนั้นฉันยังอยู่ ฉันจะช่วยเหลือเจ้าอย่างสุดความสามารถ" หลังจากนั้นวะเราะเกาะฮฺอยู่ได้ไม่นาน เขาเสียชีวิต และวะหฺยูก็ขาดช่วงไป  

      

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น