วันศุกร์ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2564

ตัฟซีรฺ อัลบะยาน : ซูเราะฮฺ อัลญิน (2) อายะฮฺที่ 1-17

 بِسۡمِ  ٱللَّهِ  ٱلرَّحۡمَٰنِ  ٱلرَّحِيمِ 

ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงกรุณาปราณี ผู้ทรงเมตตาเสมอ

ญินกลุ่มหนึ่งนับถือศาสนาอิสลาม

(١)قُلْ أُوحِيَ إِلَيَّ أَنَّهُ اسْتَمَعَ نَفَرٌ مِنَ الْجِنِّ فَقَالُوا إِنَّا سَمِعْنَا قُرْآنًا عَجَبًا

(1) จงกล่าวเถิด(มุหัมมัด) ได้มีวะหฺยูแก่ฉันว่า แท้จริงมีญินจำนวนหนึ่งได้ฟัง(อ่านกุรอาน) และพวกเขากล่าวว่า แท้จริงเราได้ยินกุรอานที่แปลกประหลาด 29


29 عَجَبًا (แปลกประหลาด) คือ بَلِيغًا (คมคาย) หมายถึง มีการเรียบเรียงที่สวยงาม มีเนื้อหาที่ดีและภาษาที่ใช้สอดคล้องและจูงใจ (อิบนุอับบาซ) เป็นคำพูดที่สวยงาม ไม่เหมือนกับจากคำพูดของมนุษย์ ทั้งการเรียบเรียงที่สวยงามและมีความหมายที่เป็นจริง (อัลไบฎอวีย์, อันนะซะฟีย์) 


(٢)يَهْدِي إِلَى الرُّشْدِ فَآمَنَّا بِهِ ۖ وَلَنْ نُشْرِكَ بِرَبِّنَا أَحَدًا

(2) เป็นคัมภีร์ที่ชี้แนวทางที่ถูกต้อง พวกเราเลยศรัทธาต่อคัมภีร์นี้ และพวกเราไม่ตั้งสิ่งใด(หรือบุคคลใด)เป็นภาคีร่วมกับพระเจ้าของเรา

(٣)وَأَنَّهُ تَعَالَىٰ جَدُّ رَبِّنَا مَا اتَّخَذَ صَاحِبَةً وَلَا وَلَدًا 

(3) และ(จงรู้ไว้เถิด) ความจริงนั้น ความยิ่งใหญ่แห่งพระเจ้าของเรานั้นทรงสูงส่งยิ่ง แน่นอนพระองค์ไม่มีภรรยาและไม่มีบุตร

 

ตระหนักและปฏิเสธสิ่งที่เป็นเท็จ


(٤)وَأَنَّهُ كَانَ يَقُولُ سَفِيهُنَا عَلَى اللَّهِ شَطَطًا

(4) และ(ด้วยคำสอนจากอัลกุรอานชัดเจนว่า) แท้จริงแล้วผู้เบาปัญญาในกลุ่มพวกเราก่อนหน้านี้ (หมายถึงอิบลีซและผู้สนับสนุนอิบลิซ) ชอบกล่าวถึงอัลลอฮฺด้วยคำกล่าวที่เกินความเป็นจริง 30

  

30 หมายถึง คำพูดที่ห่างไกลความเป็นจริงมาก คือ พวกเขากล่าวว่าอัลลอฮฺมีภรรยาและลูก (อัฏฏ็อบบะรีย์, อัลไบฎอวีย์)


(٥)وَأَنَّا ظَنَنَّا أَنْ لَنْ تَقُولَ الْإِنْسُ وَالْجِنُّ عَلَى اللَّهِ كَذِبًا

(5) และแท้จริงแล้ว(เป็นที่ชัดเจนมากว่าผิดที่)เราคิดว่ามนุษย์และญินจะไม่พูดเท็จอย่างยิ่งเกี่ยวกับอัลลอฮฺ 31


31 หมายความว่า เราคิดว่าสิ่งที่มนุษย์และญินพูดเกี่ยวกับอัลลอฮฺว่า พระองค์มีภรรยา มีลูกและอื่นๆนั้นเป็นความจริง เพราะไม่คิดว่าพวกเขาจะพูดเท็จเกี่ยวกับอัลลอฮฺ จนกระทั้งเราได้ยินอัลกุรอานด้วยตัวของเราเอง (อัฏเฏาะบะรีย์, อิบนุกะษีรฺ)

 (٦) وَأَنَّهُ كَانَ رِجَالٌ مِنَ الْإِنْسِ يَعُوذُونَ بِرِجَالٍ مِنَ الْجِنِّ فَزَادُوهُمْ رَهَقًا
(6) และแท้จริงเป็นรื่อง(ที่ผิดมาก)ที่กลุ่มมนุษย์ผู้ชายบางคนขอความคุ้มครองจากกลุ่มญินชายเลยทำให้กลุ่มญินเหล่าเพิ่มความโอหังและเลวร้าย 32

32 رَهَقًا คือ บาป (อิบนุอับบาซ) หมายความว่า พวกญินได้กล่าวกันว่า : ก่อนหน้านี้เรารู้สึกว่าเรามีความสามารถเหนือมนุษย์ เพราะมนุษย์ชอบขอความคุ้มครองจากเรา เมื่อพวกเขาเข้าไปหุบเขาหรือสถานที่เงียบสงบ และที่อื่นๆที่คล้ายกัน อย่างเช่น คนอาหรับในสมัยก่อน สมัยไร้อารยธรรมอิสลาม(ญาฮีลียะฮฺ) พวกเขาชอบจะขอความคุ้มครองจากผู้ที่เขารู้สึกว่าเป็นเจ้าที่ที่เป็นญินในสถานที่ๆนั้น เพื่อที่พวกเขาจะได้ไม่ถูกหลอกลวงและพวกเขาจะไม่ประสบกับสิ่งที่ไม่ดี เช่น พวกเขาจะพูดว่า "โอ้ เจ้าผู้คุ้มครองในบริเวณนี้ ฉันขอให้ท่านคุ้มครองจากเจ้าให้ห่างไกลสิ่งชั่วร้ายที่จะเกิดขึ้นแก่ฉันในบริเวณนี้ด้วย" เมื่อญินรู้พฤติกรรมแบบนี้ของคนอาหรับที่ทำมาตลอด เลยทำให้ญินรู้สึกตัวเองนั้นยิ่งใหญ่ โอหังและเย่อหยิง พวกเขายิ่งหลอกลวงมนุษย์ (เกาะตาดะฮฺ, มะกอติล, อิบนุเญาซีย์, อิบนุกะษีรฺ)  

 
(٧) وَأَنَّهُمْ ظَنُّوا كَمَا ظَنَنْتُمْ أَنْ لَنْ يَبْعَثَ اللَّهُ أَحَدًا
(7) และแท้จริงนั้น(ไม่เป็นความจริงที่)พวกมนุษย์คาดคิดเหมือนที่พวกเจ้าคาดคิด คืออัลลอฮฺจะไม่ส่ง(ศาสนทูต)คนใดมาแม้แต่คนเดียว 33

33  หรืออัลลอฮฺไม่ให้มนุษย์ฟื้นคืนชีพอีกครั้งหนึ่งในวันกิยามะฮฺ เพราะญินในสมัยก่อนปฏิเสธการฟื้นคืนชีพใหม่ในวันกิยามะฮฺ เหมือนอย่างที่พวกเจ้าปฏิเสธ โอ้..ชาวมักกะฮฺ เมื่อญินได้ฟังอัลกุรอานและพวกเขาได้รับทางนำ พวกเขาก็ยอมรับว่ามีการฟื้นคืนชีพใหม่อีกครั้งหลังจากที่เสียชีวิตไปแล้ว .. แล้วพวกเจ้ายอมรับอย่างที่พวกเขายอมรับไหม ? (อันนะซะฟีย์)

ญินกับข่าวคราวจากชั้นฟ้า

(٨)وَأَنَّا لَمَسْنَا السَّمَاءَ فَوَجَدْنَاهَا مُلِئَتْ حَرَسًا شَدِيدًا وَشُهُبًا
(8) และแท้จริงแล้วเราได้พยายามหาข่าวคราวจากชั้นฟ้า34 ก็พบว่าบนชั้นฟ้านั้นตามไปด้วยยามรักษาการที่ทำการดูแลรักษาอย่างเข้มแข็ง35 และ(การยิง)ด้วยดาวอุกาบาตที่มีไฟ36

34 หมายถึง ชั้นฟ้าของโลก (อัลคอซิน)
35 หมายถึง จากบรรดามะลาอิกะฮฺ (อัลบะฆอวีย์, อัลไบฎอวีย์, อัลหาซิน)
36 หมายถึง จากดวงดาวของจักรวาล (อัลบะฆอวีย์, อันนะซาฟีย์) 

(٩)وَأَنَّا كُنَّا نَقْعُدُ مِنْهَا مَقَاعِدَ لِلسَّمْعِ ۖ فَمَنْ يَسْتَمِعِ الْآنَ يَجِدْ لَهُ شِهَابًا رَصَدًا
(9) และในความเป็นจริงแล้ว ก่อนหน้านี้พวกเราเคยนั่งที่มีที่นั่งมากมายเพื่อฟัง(ข่าวคราวในชั้นฟ้า) แต่ตอนนี้37 ถ้ามีผู้ใด(ขึ้นไป)ต้องการที่จะฟัง(อย่างที่กล่าวมานั้น) เขาจะต้องพบกับอุกาบาตที่ลุกเป็นไฟที่เตรียมพร้อม(ที่จะยิงไปยังผู้ที่ขึ้นมานั้น)

37 หมายถึง หลังจากที่ได้บังเกิดนบีมุหัมมัด(ศ็อลฯ) อิบนุกุไตบะฮฺ กล่าวว่า : การพุ่งใส่ของอุกาบาตที่ลุกเป็นไฟมีเกิดขึ้นแล้วก่อนที่ท่านนบี(ศ็อลฯ)จะบังเกิดขึ้น แต่ไม่รุนแรงเท่าการพุ่งใส่หลังจากที่ท่านนบี(ศ็อลฯ)บังเกิด ฉะนั้นก่อนหน้านี้พวกเขายังสามารถแอบไปฟังในบางช่วงเวลาได้ แต่เมื่อมีนบีมุหัมมัด(ศ็อลฯ)แล้ว การขึ้นไปฟังข่าวคราวจากชั้นฟ้าถูกขัดขวางทันที (เกาะตาดะฮฺ, อัลบะฆอวีย์, อัลหาซิน)

 (١٠)وَأَنَّا لَا نَدْرِي أَشَرٌّ أُرِيدَ بِمَنْ فِي الْأَرْضِ أَمْ أَرَادَ بِهِمْ رَبُّهُمْ رَشَدًا 
(10) และจริงๆแล้วเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่า(ด้วยการมีผู้ดูแลชั้นฟ้าอย่างที่กล่าวมานั้น) ต้องการให้ความชั่วร้ายแก่ผู้ที่อาศัยอยู่บนโลกนี้หรือว่าความต้องการให้แนวทางที่ดีงามแก่พวกเขา38 

38 หมายถึง เมื่อกลุ่มญินถูกกีดกั้นฟังข่าวคราวจากชั้นฟ้า พวกเขาก็กลับไปหาอิบลีซพร้อมกับรายงานว่า "พวกเราถูกกีดกั้นจากากรฟังข่าวคราวจากชั้นฟ้า" อิบลิซตอบว่า "จริงๆแล้วปกติชั้นฟ้าจะถูกปิดกั้นเว้นแต่จะมีหนึ่งในสองสาเหตุต่อไปนี้ : ถ้าไม่ใช่ที่อัลลอฮฺต้องการที่จะลงโทษทรมานแก่ชาวโลกอย่างกระทันหันหรือไม่ก็มีนบีคนหนึ่งที่มาชี้แนวทางและแก้ไขให้ดี"  นี้เป็นความหมายของอายะฮฺที่ว่า وَأَنَّا لَا نَدْرِي أَشَرٌّ أُرِيدَ بِمَنْ فِي الْأَرْضِ أَمْ أَرَادَ بِهِمْ رَبُّهُمْ رَشَدًا (อิบนุไซด์) 

ประเภทของญิน

(١١)وَأَنَّا مِنَّا الصَّالِحُونَ وَمِنَّا دُونَ ذَٰلِكَ ۖ كُنَّا طَرَائِقَ قِدَدًا
(11) และแท้จริงในกลุ่มพวกเรานั้น มีทั้งกลุ่มที่ดีและมีที่นอกเหนือจากนั้น พวกเรามีแนวทางที่หลากหลาย 39

39 คือ มีทั้งที่เป็นมุสลิม(ยอมรับในอิสลาม) และมีทั้งการฟิรฺ(ปฏิเสธ)(มุญาฮิด) หรือมีหลายกลุ่มหลายพวก หลายลักษณะ หลายศาสนาและหลายความเชื่อถือ เช่น เกาะดะรียะฮฺ มัรญิอะฮฺ รอฟิเฎาะฮฺ ชีอะฮฺและอื่นๆ(อะบูอุไบดะฮฺ, อัลหะซน, อัซซะดีย์) 

(١٢)وَأَنَّا ظَنَنَّا أَنْ لَنْ نُعْجِزَ اللَّهَ فِي الْأَرْضِ وَلَنْ نُعْجِزَهُ هَرَبًا
(12) แท้ที่จริงแล้วเรามั่นใจว่า เราไม่สามารถที่จะหลุดพ้น(จากพลังคอำนาจ)ของอัลลอฮฺ บนโลกนี้ และเราไม่สามารถหลุดพ้นตัวเราจากพระงค์ด้วยกันหนี(ออกจากหน้าแผ่นดินนี้)


(١٣)وَأَنَّا لَمَّا سَمِعْنَا الْهُدَىٰ آمَنَّا به فَمَنْ يُؤْمِنْ بِرَبِّهِ فَلَا يَخَافُ بَخْسًا وَلَا رَهَقًا
(13) และจริงๆแล้ว เมื่อเราได้ยินแนวทางที่ถูกต้อง(อัลกุรอาน) เราก็ศรัทธาในสิ่งนั้น ดังนั้นผู้ใดที่ศรัทธาต่อพระเจ้าของเขาจะไม่กลัวว่าผลบุญจะมีน้อยและ(จะไม่กลัว)ว่าบาปจะเพิ่มมากขึ้น40

40 หมายถึง เขาจะไม่ถูกอธรรมและถูกบังคับอย่างเด็ดขาด (อิบนุอัจเญาซีย์)

(١٤)وَأَنَّا مِنَّا الْمُسْلِمُونَ وَمِنَّا الْقَاسِطُونَ ۖ فَمَنْ أَسْلَمَ فَأُولَٰئِكَ تَحَرَّوْا رَشَدًا
(14) แท้จริงแล้ว(ด้วยอัลกุรอานถูกประทานลงมา จึงระบุได้ว่า)ส่วนหนึ่งของพวกเราเป็นผู้ยอมจำนนภักดีต่ออัลลอฮฺและส่วนหนึ่งของพวกเรานั้นเบี่ยงเบนออกจากแนวทางที่เที่ยงธรรม ดังนั้นผู้ใดที่ยอมจำนนและทำตามอิสลามพวกเขาเหล่านั้นจริงจังมุ่งสู่แนวทางที่ถูกต้อง

(١٥)وَأَمَّا الْقَاسِطُونَ فَكَانُوا لِجَهَنَّمَ حَطَبًا
(15) ส่วนคนที่เบี่ยงเบนจากแนวทางที่เที่ยงธรรมแล้ว พวกเขาเหล่านั้นก็จะเป็นฟืนเชื้อเพลิงแก่ไฟนรก 
(١٦)وَأَلَّوِ اسْتَقَامُوا عَلَى الطَّرِيقَةِ لَأَسْقَيْنَاهُمْ مَاءً غَدَقًا
(16) (นบีมุหัมมัด(ศ็อลฯ)ได้ถูกวะหฺยูอีกว่า) แท้จริงถ้าพวกเขา(ญินและมนุษย์)ได้เดินทางบนแนวทางที่เที่ยงธรรม(อิสลาม)แล้ว แน่นอนเรา(อัลลอฮฺ)จะประทานน้ำฝนที่มากมาย(นำมาซึ่งปัจจัยต่างๆ)41

41 หมายถึง ผู้ใดที่ดำรงไว้บนแนวทางอิสลาม แน่นอนอัลลอฮฺจะประทานปัจจัยต่างๆสำหรับดำรงชีวิตและความสุขมากมายแก่พวกเขา(มุญาฮิด, อัลหะซัน)

(١٧)لِنَفْتِنَهُمْ فِيهِ ۚ وَمَنْ يُعْرِضْ عَنْ ذِكْرِ رَبِّهِ يَسْلُكْهُ عَذَابًا صَعَدًا
(17) (ปัจจัยต่างๆที่ว่านั้น) เพื่อที่เราจะได้ทดสอบพวกเขา42ที่พวกเขาได้รับความสุขจากสิ่งนั้น(พวกเขาจะจักขอบคุณต่อพระเจ้าอย่างแท้จริงด้วยการภักดีต่อเอกองค์อัลลอฮฺเท่านั้น) และ(จำไว้)ผู้ใดที่หันหลังจาการรำลึกถึงพระเจ้าของเขา(ไม่รู้จักขอบคุณและไม่ภักดีต่อเอกองค์อัลลอฮฺเท่านััน) แน่แท้(อัลลอฮฺ)จะให้เขาได้รับการลงโทษอันแสนสาหัส43  
   
42 อุมัรฺ อิบนุค็อฏฏ็อบ(เราะฎิฯ)ได้กล่าวว่า ที่ไหนมีน้ำที่นั้นมีริสกี(ปัจจัยสร้างสุขแก่ชีวิต)และทรัพย์สิน และที่ใดมีรีสกีและทรัพย์สินที่นั้นจะมีบททดสอบ/ฟิตนะฮฺ (อัฏเฎาะบะรย์, อัชเชากานีย์)
43 หมายถึง การลงโทษด้วยการให้ปีกเขาไฟในนรกหรือการลงโทษอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนเลย (อิบนุอับบาซ)

-------------------------------------------------------------------------------------------------------


* ตัฟซีรฺ อัลบะยาน ซูเราะฮฺ อัลญินนี้ แปลมาจากต้นฉบันภาษามลายูปัตตานี(ยาวี)
(البيان : مڠناي معنى القرآن
كلواران : مجلس العلم فطاني
เขียนโดย ดร.อิสมาอีล ลุตฟีย์ และแปลเป็นไทยลงในบล็อกนี้โดร Ibm Almustofa
(ความหมายอัลกุรอานและหะดีษนบีแปลจากต้นฉบันภาษามลายู ไม่ได้แปลจากต้นฉบับที่เป็นภาษาอาหรับ
บางทีอาจจะไม่เหมือนจากที่บางคนได้แปลมาแล้ว
ต้องการดูต้นฉบับคลิ๊กที่รูปหนังสือหรือลิงค์ข้างล้างนี้
https://www.calameo.com/read/0069536197b8c134de74a

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น